ราคารวม : ฿ 0.00
เป็นที่สับสนของพุทธศาสนิกชนบางท่าน ที่ต้องการปฏิบัติตนเพื่อเป็นพุทธบูชา แด่องค์พระบรมศาสดาพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จะเป็นการเริ่มต้นหรือเป็นการบูชาอย่างต่อเนื่อง คือไม่รู้ว่าจะปฏิบัติอย่างไรจึงจะเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ตนและสังคมโลก
เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยจำและทำง่ายที่สุด ชาวพุทธ “ต้องเสกคุณของพระพุทธเจ้าเข้าตัว” โดยต้องยึดหลักว่า.... “ทำตามอย่างพระพุทธเจ้าและเอาอย่างพระพุทธรูป”....
การทำตามคุณของพระพุทธเจ้า เอาอย่างพระพุทธรูป อันจะทำให้เราซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติได้รับการสรรเสริญ เคารพ กราบไหว้ บูชา จากคนใกล้ชิดสนิทตน คนในครอบครัว คนในปกครอง และผองชนทั้งหลายนั้น ต้องทำตามพระพุทธรูป ดังนี้ คือ สิ้นกิเลส เกศแหลม ตาดู หูยาน นั่งนาน ไม่ขานตอบ ยิ้มปลอบประโลมใจ ตัดสินคดีให้ยุติธรรม
สิ้นกิเลส พระพุทธรูปที่เรากราบไหว้นั้น ถูกประดิษฐานบนแท่นดอกบัวบาน เป็นเครื่องหมายว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสิ้นกิเลส ดุจดอกบัวที่ปราศจากมลทินเครื่องมัวหมอง ทั้งยังรวยกลิ่นหอมให้ฟุ้งขจรไป ทำให้ภมรมาตอมความหอมพร้อมทั้งรสหวานจากเกสร คุณข้อนี้ของพระพุทธเจ้าคือ อะระหัง เป็นผู้ปราศจากกิเลสาสวะ เพราะทรงบริสุทธิ์ด้วยศีล คุณข้อนี้เรียกว่า “บริสุทธิคุณ” เราก็พึงรักษาศีลห้า หรือศีลที่ตนสมาทานให้ค่อย ๆ บริสุทธิ์ขึ้นเรื่อย ๆ เรียกว่าไกลจากกิเลส ก็จะได้รับการบูชา หรือถ้าจะมีกิเลสบางประการที่ไม่เลวร้าย ก็จงให้ไกลตาผู้น้อยเข้าไว้ ดั่งคำโบราณว่า “อย่าขี้ก้อนใหญ่ให้เด็กเห็น” ถ้าขี้ให้เด็กเห็นเด็กมันเหม็นขี้มันก็จะไม่บูชาผู้ใหญ่ท่านนั้น
เกศแหลม พระพุทธรูปนั้นมีเกศแหลมแบบสะบัดปลาย เป็นเครื่องบ่งบอกถึงพระปัญญาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงมีปัญญากำจัดอวิชชาของพระองค์ และทรงใช้ปัญญากำจัดอวิชชาของสัตว์โลก จึงได้รับการกราบไหว้ ข้อนี้คือพระธรรมของพระองค์ทั้งหมดที่จารจดในพระไตรปิฎกถึงแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ เราเองก็พึงหาปัญญากำจัดความโง่ของตน และช่วยกำจัดปัญหาของคนอื่น ปัญญาที่วิเศษคือมีความเป็นสัมมาสัมพุทธะ จึงได้รับการยอมรับ เราเองก็ต้องแสดงความแตกต่างแห่งปัญญาให้คนเห็น ว่าเราแตกต่าง เรียกว่า “สิทธิบัตร” เป็นปัญญาต้นแบบมิใช่ตามแบบ
ตาดู พระประธานนั้นมีคติการสร้างให้มีเนตรจดจ้องมองลงมายังผู้กราบไหว้ ไม่มีการกระพริบพระเนตร เป็นการบ่งบอกว่าสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแผ่ข่ายคือ พระญาณในสัตว์โลกทั้งหมด ได้แก่โลกทั้งสาม ไม่มีวันหลับพระเนตร ถ้าจะหลับก็หลับเพราะทรงเพลียและหลับเพื่อทรงพัก งานของพระองค์จึงมิพลั้งพลาด เราเองก็ต้องเอาตาดูคนและงานอย่าให้คลาดสายตา
หูยาน พระประธานโบราณปั้นหรือหล่อให้หูยาน มิได้หมายว่าอายุยืน แต่เป็นการพ้องเสียงว่า “หูวิจารณญาณ” คือทรงฟังด้วยการไตร่ตรอง เราเองก็ต้องมีวิจารณญาณคือ “ปากต้องไม่อวดรู้ หูไม่ต้องเชื่อง่าย”
นั่งนาน พระประธานนั่งที่ไหนไม่เคยเบื่อที่นั่ง เป็นเครื่องเตือนใจว่าเราเองก็อย่าเบื่อสถานภาพและตำแหน่ง นั่งให้มั่นคง อย่าวิ่งโยกย้าย ถ้าดีเขาอัญเชิญพระประธานไปวัดใหญ่ ๆ เราเองถ้าดีเขาย้ายให้ หรือไม่ก็สถาปนาตำแหน่งตรงนั้น ดูพระพุทธโสธรที่มีพระวิหารราคาเป็นพันล้านที่คนเคารพบูชาสร้างถวาย
ไม่ขานตอบ พระประธานไม่ขานตอบ คือไม่เอาความลับของคนหนึ่งไปบอกกับอีกคนหนึ่ง เราเองก็อย่าพูดความลับของใคร ขอให้รู้ว่า “ปากปิดดีกว่าเขาปิดปาก” หรือ “อวดรู้มากปากได้อมลูกปืน”
ยิ้มปลอบประโลมใจ พระประธานใครทุกข์ก็ยิ้มปลอบใจ ใครสุขก็ยิ้มประโลมใจ เราเองก็ควรยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดี ยามมีทุกข์ก็ไปเยี่ยมยามถามสารทุกข์ด้วยการยิ้มปลอบปลุกใจ
ตัดสินคดีให้ยุติธรรม สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อคราวมีคดีความ พระองค์ตัดสินด้วยกฎกรรม ส่วนเราเองพึงตัดสินด้วยทั้งกฎกรรมและกฎเกณฑ์
ถ้าทุกคนศึกษาพระพุทธคุณ ๙ ประการ แล้วนำมาถอดความดั่งที่ปรากฏข้างต้นนี้แล้ว รับรองว่า “ยามอยู่ก็มีคนรักเคารพ ตายเป็นศพก็มีคนบูชา คำพูดคำจาก็มีคนปฏิบัติตาม” โอม...เพี้ยง...ขอเสกคุณของพระพุทธเจ้าให้เข้าตัวทุกทุกคน...!
“เจ้าคุณพิพิธ”
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น