ราคารวม : ฿ 0.00
ปัจจุบันนี้มีพระจำนวนมาก มีคนจำนวนมากเพี้ยน
เพี้ยนประเภทที่หนึ่ง คือ เรียนไม่จบจริง ๆ ไม่รู้จริงในคำสอนของพระพุทธเจ้า ไม่อ่านฎีกาอรรถกถาให้เข้าใจ นี่เขาเรียกว่าตีความเอาเอง อย่างนี้เขาเรียกว่า ผิดเพี้ยนจากพระไตรปิฎก
เพี้ยนประเภทที่สอง ปฏิบัติโดยไม่มีอาจารย์ควบคุม ปฏิบัติไปปฏิบัติมานึกว่าตัวเองเป็นอาจารย์ทางศาสนา นี่เพี้ยนประเภทที่สอง
เพี้ยนประเภทที่สาม คือเริ่มต้นไม่ถูกต้อง
ดังนั้นทั้งพระทั้งคนก็เลยทำกันเพี้ยน ๆ จนกระทั่งกลายเป็นเรื่องบ้า ๆ บอ ๆ ไป จะเห็นว่าคนปฏิบัติธรรม นักปฏิบัติทั้งหลาย เป็นพระทั้งเป็นฆราวาสดูมีอาการเพี้ยน ๆ เหงื่อแตกตามหน้าผากเป็นมัน พูดจามากมายจนน้ำลายแตกฟอง หรือปฏิบัติกันเพี้ยนกันสุดฤทธิ์สุดเดช
“เหตุเป็นเพราะอะไร ?” หรือ “ทำอย่างไรจึงจะไม่เพี้ยน ?”
การที่จะเข้าถึงธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการ ปริยัติ คือ เรียน, ปฏิบัติ คือ ลงมือกระทำ ไปสู่ปฏิเวช คือการบรรลุ นั้นมีองค์ประกอบอยู่ ๓ ประการ ที่จะทำให้ไม่ให้เพี้ยน คือ
๑. ศีลวิสุทธิ ศีลต้องหมดจด
๒. จิตตวิสุทธิ จิตต้องหมดจด
๓. ทิฏฐิวิสุทธิ ความเห็นต้องหมดจด
ในทั้ง ๓ ประการนี้ ทิฏฐิวิสุทธิ เป็นองค์สำคัญที่สุด เริ่มแรกถ้าหากว่าเราปฏิบัติธรรมะของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรายังมีจุดประสงค์ที่จะเหาะเหินเดินเวหา ดำดิน กินดาว ลงดิน เลื้อยคลานไปในดิน ว่ายไปในน้ำ หรือหายตัวได้ เขาเรียกว่า “ทิฏฐิวิบัติเสียแล้ว” ในองค์ธรรมเขาเรียก...ทิฏฐิวิบัติ... คือความเห็นไม่ถูกต้องเสียแล้ว หรือจะปฏิบัติธรรมะ เรียนธรรมะ หรือเรียนคาถาอาคมเพื่อจะทำเสน่ห์ยาแฝด เขาเรียกว่า...ทิฏฐิวิบัติ... เมื่อทิฏฐิวิบัติ ถ้ารักษาศีล ศีลก็เลยวิบัติตาม เพราะศีลเป็นเครื่องสนองทิฐิเมื่อปฏิบัติกรรมฐาน นับตั้งแต่สมถกรรมฐานเริ่มไปมันจะไปสู่ มิจฉาสมาธิ และเกิด มิจฉาญาณ นี่แหละคือ ตัวเพี้ยน
เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเพี้ยนต้องล้างทิฐิให้มันหมดจด ความวิเศษไม่ผุด ถ้าความวิสุทธิ์ไม่เกิด ถ้าความวิเศษผิดก็เป็นความวิเศษเพี้ยน ๆ อย่างเช่นที่ปรากฏให้ท่านทั้งหลายเห็น และบางคนก็เลื่อมใสพระเพี้ยนพวกนี้เสียด้วย.
พระเทพปฏิภาณวาที
“เจ้าคุณพิพิธ”

แชร์ :
เขียนความคิดเห็น