ตอนที่ 4 : เที่ยว กาญจนบุรี ทองผาภูมิ สังขละบุรี

กาญจนบุรี ทองผาภูมิ สังขละบุรี

(เดินทางระหว่างวันที่ 26 – 29 สิงหาคม 2563)

By: รณยุทธ์  จิตรดอน

     วันนี้นัดเพื่อนๆ สาธิตจุฬาฯ (CUD 4) 11 ชีวิต ไปเที่ยวกาญจนบุรีกัน โดยคืนแรกจะพักค้างที่เขื่อนวชิราลงกรณ์ ทองผาภูมิ คืนที่ 2 พักที่สวนแมกไม้รีสอร์ต สังขละบุรี และคืนที่ 3 พักที่เขื่อนศรีนครินทร์ ศรีสวัสดิ์ ออกเดินทางจากกรุงเทพมหานคร ใช้เส้นทางด่วนจตุจักร-กาญจนาภิเษก และทางต่อถนนบรมราชชนนี เข้าถนนเพชรเกษม และถนนแสงชูโต แวะตามลำดับคือ ร้านวุ้นเส้นท่าเรือ ทุกคนทานสลิ่มคนละถ้วยเพราะ 11:00 น เข้าไปแล้ว

     วันนี้เป็นวันพระ จึงได้นำสังฆทานแวะถวายท่านเจ้าคุณเจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) และได้ถวายหนังสือ “12 เส้นทางท่องเที่ยว ธรรมะรักษาใจ” ให้ท่าน (6 เล่ม)

     จากวัดไชยชุมพลชนะสงครามหรือวัดใต้ ไปอีกเพียง 1.5 กม. จะมีวัดสำคัญอีก 1 วัด คือ วัดเทวสังฆาราม (วัดเหนือ) ซึ่งเป็นวัดที่สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 บวช

     ทุกคนหิวแล้ว แวะกินก๋วยเตี๋ยวเรือคนละชาม สองขาม ที่ร้านโกสุก ริมแม่น้ำแม่กลอง ตรงจุดแควใหญ่บรรจบแควน้อย แล้วใช้เส้นทางเลียบแควน้อย ผ่านสะพานข้ามแม่น้ำแคว และเลยมาทางอำเภอไทรโยค     แวะที่เมืองมัลลิกา จำลองเมืองไทยสมัย รศ.124 ซึ่งตรงกับสมัยรัชกาลที่ 5 “ขอรับ” ถ้าจะซื้อของภายในเมืองมัลลิกาต้องแลกเหรียญ 1 สตางค์ (เท่ากับ 5 บาท) ถ้าซื้อกาแฟหรือชาเขียว ราคาแก้วละ 6 สตางค์    แต่ถ้าขอถ้วยกลับบ้านก็ 8 สตางค์ “เจ้าค่ะ”

     ภายในจะมีตำรวจแต่งกายย้อนยุคคอยให้บริการ ในเมืองเยาวราช หอชมเมือง บ้านเดี่ยว บ้านหมู่และบ้านคหบดี ค่าเข้าสำหรับผู้ที่อายุเกิน 70 ปี คนละ 100 บาท

     บนเส้นทางนี้ต่อมาอีก 7 กม. เป็นอุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ ทำด้วยศิลาแลงที่ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออกคือทางพระนคร (นครวัต)

     เลยอำเภอไทรโยคขึ้นมา ได้แวะที่สถานีน้ำตก ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของรถไฟสายธนบุรี-น้ำตก ขบวนสุดท้ายของคันนี้กำลังจะออกไปชุมทางหนองปลาดุก (นครปฐม)

     ยังมี”วัดสุนันทาราม” สาขา 117 วัดหนองป่าพง ถึงแม้เจ้าอาวาสรูปก่อนได้ลาสิขาไปแล้ววัดก็ยังคงร่มรื่น สักปายะ

     เลยขึ้นมาจากอำเภอทองผาภูมิ เป็นที่ตั้งที่ทำการเขื่อนวชิราลงกรณ์ ที่พวกเราจะพักกันคืนนี้เป็นบ้านพักของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ซึ่งมีบ้านพักรับรองหลายแบบให้เลือก พวกเราเลือกพัก “บ้านราชาวดี” 2 หลัง มีห้องส่วนตัวทั้ง เตียงเดี่ยว (400 บาท) เตียงคู่ (200 บาท) แต่ห้องพักเหมือนโรงแรม 3 ดาว

     อาหารเย็นมื้อนี้ ที่ร้าน”สวนอาหารบงตง” ริมน้ำแควน้อย ในเมืองทองผาภูมิ มีรายการอาหารเลิศรส ดังนี้

1. ปลารากกล้วย 2@120

2. ปลาแรดทอด2@320

3. ต้มยำปลาคัง 1@220

4. ยำผักกูด 2@100

5. ฉู่ฉี่ปลาคัง 1@120

6. คะน้าปลาเค็ม 2@90

7. ข้าวผัดกุ้ง(สำหรับคนรถ) 50

8. ข้าว 2 โถ@ 50

     รวม 1,800 บาท

     ดึกแล้ว เติมน้ำมันรถไว้เต็มถัง พรุ่งนี้จะไปเที่ยวบ้านอีต่องและขึ้นไปสังขละบุรีต่อ

     ขอเพิ่มเติมเรื่องเกี่ยวกับกาญจนบุรีต่อจากเมื่อวาน คือ ความที่เป็นเมืองชายแดน ประเทศจะได้จากข้อตกลงการเปิดด่านศุลกากรและด่านถาวร ตามข้อตกลงGMS Cross Border Transport Agreement ซึ่งทางเหนือ ได้แก่ เชียงของ ทางตะวันตก คือ แม่สอด ทางตะวันออก คือ มุกดาหาร และทางตะวันออกเฉียงใต้ คือ ช่องเม็ก

     และมีด่านถาวรอีก 2 ด่าน คือ

1. ด่านพรมแดนถาวรบ้านผักกาด อ.โป่งน้ำร้อน จันทบุรี

2. จุดพรมแดนถาวรบ้านน้ำพุร้อน อ.เมือง กาญจนบุรี โดยเมื่อมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรีเสร็จก็จะสามารถขนสินค้าจากทวาย เมียนมาร์ ผ่านก่อนถึงด่านถาวรบ้านน้ำพุร้อนไปลงท่าเรือแหลมฉบังได้สะดวก เมืองชายแดนที่กล่าวถึงข้างต้นจะทวีความสำคัญยิ่งขึ้นๆ

     แม้เส้นทางจากที่พักในเขื่อนวชิราลงกรณ์ ไปบ้านอีต่อง อ.ทองผาภูมิ ประมาณ 60 กม.เศษ แต่ต้องใช้เวลาเดินทางถึงเกือบ 3 ชม. เพราะเส้นทางผ่านไปตามสันเขา และมีเส้นทางที่ชำรุดเนื่องจากน้ำตกภูเขา แต่เมื่อไปถึงที่ตั้งบ้านอีต่อง และเหมืองปิล็อกแล้ว ความเหน็ดเหนื่อยหายปลิดทิ้ง มีแต่ความชื่นอกชื่นใจเข้ามาครอบคลุมหัวจิตหัวใจทุกคน เพราะนอกจากทุกคนจะใช้เวลาถ่ายรูปน้ำใสๆ มองเห็นฝูงปลาคาร์ฟแหวกว่ายในสายน้ำ

     ฝั่งตรงข้ามเป็นที่ตั้งบ้านอีต่อง ซึ่งเป็นร้านค้า 2 ข้างทาง ตามแนวถนนเล็กๆ ยาวไปเป็นแถว ทุกคนหยุดซื้อของฝากที่เป็นเสื้อ และกางเกงขาก๊วย ซึ่งมีขายที่ร้าน ”Hug Pi Lok” นี้เท่านั้น ได้ของสำหรับตนเอง และของฝากติดไม้ติดมือกันคนละมากๆ ไม่เสียแรงที่เจ้าของร้านจบบัณฑิตสารณสุขศาสตร์จากมหิดล แล้วมาทำการค้าที่บ้านอีต่องนี้ กลับขึ้นไปตามแนวถนน ทุกคนได้ฝากท้องสำหรับมื้อกลางวันที่”ร้านเจ๊ณี”

     ขากลับลงจากบ้านอีต่องดูทุกคนจะเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทาง รู้สึกไม่นาน รถมาถึงร้านค้าข้างทางขายทุเรียน มังคุด เงาะ และลองกอง ถึงแม้ผลไม้ที่ขายจะมาจากทางใต้ ทุกคนต่างรู้สึกมีความสุขที่ได้ลิ้มรสผลไม้โปรด

     ทางขึ้นไปบ้านอีต่อง เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ และเส้นทางไปสังขละบุรี เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม ได้แวะเข้าไปจุดชมวิวป้อมปี่ ซึ่งพื้นที่มีแหล่งน้ำจากเขื่อนวชิราลงกรณ์ (ชื่อเดิม”เขื่อนเขาแหลม”)

     เส้นทางมาสังขละบุรีมีระยะทางพอๆ กับไปบ้านอีต่อง แต่เนื่องจากเป็นเส้นทางที่ไม่ชำรุด 16:00 น. ก็มาถึงที่พักที่ ”สวนแมกไม้รีสอร์ต” จากห้องมองเห็นวิวแม่น้ำสามประสบ ใช้เวลาเดินจากโรงแรมไปเล็กน้อยเป็นที่ตั้ง “สะพานมอญ” ทุกคนเตรียมที่จะข้ามไปใส่บาตรที่ฝั่งตรงข้ามแต่เช้าวันพรุ่งนี้

     หลังจากที่อภิปรายกันเกี่ยวกับอาหารมื้อเย็นระหว่าง “รุ่งอรุณ” และ “ศรีแดง” ทุกคนตัดสินใจฝากท้องมื้อเย็นที่ "ศรีแดง” ตั้งอยู่ภายในโรงแรมพรไพลิน หรือชื่อเดิม”ศรีแดง” เช่นกันวันนี้รายการอาหารที่สั่งเป็นอาหารที่หาทานยาก (เช่นเห็ดโคน เห็ดเผาะ เป็นต้น) จึงสั่งทำกันอย่างละ 2 จาน ทำให้อาหารมื้อนี้สูงถึง 2,590 บาท (เมื่อวานที่ทองผาภูมิ 1,800 บาท

     ได้รับบุญแต่เช้า ทุกคนเข้าแถวใส่บาตรแต่เช้ากัน เสร็จพิธีแวะไปวัดวังก์วิเวการาม และเจดีย์พุทธคยา ทั้งหมดนี้หลวงพ่ออุตตมะสร้าง แวะซื้อกำไลหยกก่อนกลับ

     รับบุญกันแต่เช้าแล้ว กลับมาทานอาหารเช้าที่โรงแรมสวนแมกไม้รีสอร์ต จากโรงแรมมองเห็นแม่น้ำสามประสบ

     เนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 ระบาดรุนแรงในพม่า ทางกระทรวงมหาดไทยจึงสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกวดขันการเดินทางของนักท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดน รวมทั้งขาเรากลับจากสังขละบุรี จะมีด่านตรวจทุกจุดที่ไม่เคยมีการตรวจก็จะตรวจทุกคัน ถ่ายรูปรถและถ่ายบัตรประชาชนของผู้ขับขี่ไว้ด้วย

     กระทั่งมาจอดทานข้าวกลางวันกันที่”น้ำตกเกริงกระเวีย” ภายในอุทยานแห่งชาติเขาแหลม บ้านปรังเผล มีน้ำแร่ ”ปรังเผล” ซื้อกลับบ้าน 1 แพ็ค

     เมื่อถึงทางแยกทองผาภูมิก็ยังทีด่านตรวจเป็นด่านสุดท้ายของวันนี้ จากนั้นก็มุ่งไปทางอำเภอไทรโยค เพราะขาไปไม่ได้แวะ”ถ้ำปากแซ” ซึ่งเป็นที่ตั้ง”ทางรถไฟสายมรณะ” จะว่าเป็นโชคที่พอดีขาขึ้น หากพวกเราแวะที่นี่ก่อนก็จะพลาดขบวนรถไฟที่ใช้เส้นทางนี้จริงๆทุกคนได้เห็นกับตาเมื่อไป”สถานีน้ำตก” ก็จะเห็นรถไฟขบวน ”สถานีธนบุรี-ชุมทางหนองปลาดุก” จอดรอวิ่งกลับ และวันนี้ รถไฟขบวนนี้ก็วิ่งกลับต่อหน้าต่อตาทุกคน

     ข้อน่าสังเกตของการมาเที่ยวกาญจนบุรีคราวนี้คือ ที่ไม่ได้แวะ “ทางรถไฟสายมรณะ” ขาไป แต่เลยไป “สถานีน้ำตก” ทำให้ได้เห็นว่าทางรถไฟสายนี้มีการใช้งานจริงๆ เพราะเมื่อขาไปแวะไปที่สถานีน้ำตก อันเป็นสถานีสุดท้ายของรถไฟสายนี้รถไฟขบวน สถานีธนบุรี-ชุมทางหนองปลาดุก จอดรอกลับมาชุมทางหนอง ปลาดุกอยู่ และวันนี้ เราได้เห็นรถไฟขบวนนี้กำลังวิ่งกลับผ่านทางรถไฟสายมรณะพอดิบพอดี เพราะหากเราแวะมาทางรถไฟสายมรณะในขามาจะไม่เห็นขบวนรถไฟ ! เท่ากับว่าการพลาดแผนการเดินทางที่ทำไว้ ทำให้ได้เห็นว่ามีการใช้เส้นทางรถไฟนี้จริงๆ

     วันนี้พวกเราเข้าที่พักที่บ้าน “ริมอ่าง 6, 7 และ 8” 3 หลัง ที่เขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสดิ์ เนื่องจากถ้าจะออกไปทานข้าวเย็นข้างนอกก็จะต้องไปอีกไกล ทุกคนจึงเลือกทานข้าวเย็นที่ “ร้านเรือนธารา” ตั้งอยู่บนอ่างเก็บน้ำ บรรยากาศสุดยอด อาหารรสเยี่ยม ทุกคนอิ่มทั้งของคาวและของหวาน(เค้กและไอศกรีมที่ร้านทำเอง) ค่าอาหารวันนี้ 2,200 บาท !

     วันนี้เป็นวันสุดท้ายของทริป ทองผาภูมิ-สังขละบุรี-ศรีสวัสดิ์ ระหว่างวันที่ 27-29 สิงหาคม คืนนี้นอนที่บ้านริมอ่างหลังที่ 6,7 และ 8  ก่อน check out ได้ถ่ายรูปร่วมกันระลึกถึงเวลาที่ได้มาเที่ยวด้วยกัน พอดีปีนี้เขื่อนศรีนครินทร์ครบรอบ 39 ปีด้วย ก่อนกลับได้ถ่ายรูปร่วมกันที่สันเขื่อน

     ขามาใช้เส้นทางเลียบแควน้อย ขากลับใช้เส้นทางเลียบแควใหญ่ และเป็นตามคาดจะมีแผงขายเห็ดโคนซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของกาญจนบุรี ทุกคนซื้อกลับบ้านคนละ 2-3 ถุง และมาถึงร้านวุ้นเส้นท่าเรือ ราคาพุ่งไปถึง 4 เท่า ทุกคนบ่นเสียดายที่ซื้อมาน้อย

     ก่อนจะแวะทานข้าวกลางวันที่เรือนแพ ”ธาราบุรี” ในเมืองกาญจนบุรี ได้แวะไหว้พระปิดทองที่วัดถ้ำเสือ อำเภอท่าม่วง อันเป็นที่เคารพนับถือของผู้คนทั่วประเทศ ร้านธาราบุรีนี้ เพื่อนร่วมรุ่น (พล.อ.อ.พงศธร บัวทรัพย์) ได้เลี้ยงให้คณะอาหารเลิศรสของเมืองกาญจนบุรีทั้งนั้น

     ด้านหน้าร้าน เป็นที่ตั้งโรงงานกระดาษ ตั้งขึ้นก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 (2481) เพื่อผลิตธนบัตรใช้เอง ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชม

     ทุกคนติดใจสลิ่ม”ร้านวุ้นเส้นท่าเรือ” จึงแวะหยุดทานสลิ่มกันคนละถ้วยสองถ้วย และซื้อกลับไปทานบ้านกันอีก

     ที่น่าสังเกตสำหรับทริปนี้อีกอย่างคือ พวกเราได้แวะไปเยี่ยมเมือง พล.อ.พระยาพหลพลพยุหเสนา หัวหน้าคณะราษฎร์ และอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 และกลับมาเอารถที่จอดไว้ที่บ้านซอยท่านผู้หญิงพหล !

     การท่องเที่ยวนอกจากจะให้ความสุนทรีย์กับนักท่องเที่ยวแล้ว จำเป็นจะต้องจัดยานพาหนะเดินทางให้สอดคล้องกับจำนวนคนเพื่อให้เดินทางท่องเที่ยวถึงแหล่งท่องเที่ยวได้รวดเร็ว ปลอดภัย และประหยัดเงินด้วย   เมื่อได้แหล่งท่องเที่ยวสำหรับการเดินทาง 4 วัน 3 คืนสำหรับ ทองผาภูมิ สังขละบุรี และศรีสวัสดิ์ แล้ว(จะต้องทำความเข้าใจสำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว สาธารณูปโภค ถนน ห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก และโรงแรมที่พัก และที่สำคัญคือวัฒนธรรมพื้นถิ่นด้วย) สำหรับ Trip นี้เดินทาง 11 คน ขนาดรถสำหรับการเดินทางเป็นรถ minibus สำหรับ20 ที่นั่ง(เอาที่นั่งออก2 ที่นั่ง เพื่อให้มีพื้นที่ขนสัมพาระและ ของฝากได้เพิ่มขึ้น)

     สรุปแล้ว มีค่าเดินทางต่อหัว แยกตามประเภทรายจ่าย คือ

1.ค่าที่พัก 2,600 บาท

2.ค่าเช่ารถ+ค่าน้ำมัน+ค่าใช้จ่ายเบ็ดเตล็ด 2,000 บาท

3.ค่าอาหาร 1,050 บาท

4.ค่าซื้อของฝาก 2,080 บาท

     รวมค่าใช้จ่ายต่อหัว 7,695 บาท

     หรือเป็น@ 1,923.75 บาท/วัน

     ในการจัดการท่องเที่ยวจึงต้องมีข้อคำนึงเรื่องต้นทุนด้วย เพราะรายละเอียดการบรรยายการเดินทางให้ได้สนุก ผมคงต้องพึ่งเจ้าหน้าที่ศูนย์หนังสือจุฬาฯ ให้ทำรายการ ”ลุงป้าพาเที่ยว” สนุกให้เข้ากับสมัยครับ !

 


อ่าน : 0

แชร์ :


เขียนความคิดเห็น