ราคารวม : ฿ 0.00
วันที่ 2 สิงหาคม เดินทางไปอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี โดยใช้เส้นทางถนนมอเตอร์เวย์ M 81 ออกจากบ้านตรงไปบนถนนงามวงศ์วาน ขึ้น M81 ที่ด่านบางใหญ่ตรงไปเข้ากาญจนบุรี ใช้เวลาเพียงชั่วโมงเดียว ได้นัด ผอ.ชลิตฯ ที่ศูนย์อำนวยการเดินสำรวจออกโฉนดที่ดิน ที่ครอบคลุมพื้นที่กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ราชบุรี และเพชรบุรี จะต้องพาเจ้าหน้าที่รังวัด ออกไปดูที่ดิน ตามที่ได้ยื่นขอออกโฉนดไว้ เจ้าหน้าที่เข้าไปดูพื้นที่เพื่อดูจากภาพถ่ายทางอากาศที่ลงหลักหมุดไว้เพื่อออกโฉนดให้ พื้นที่ที่ปลูกมะละกอพันธุ์แขกดำไว้ก็กำลังออกผลแล้ว ส่วนต้นสักที่ปลูกไว้ก็สูงท่วมหัวไปมากแล้ว พื้นที่ที่ได้มาใหม่ก็ตั้งใจที่จะให้คนได้มาอาบป่ากันเพราะพื้นที่ติดกับเขตป่าไม้ ทางเข้าที่จากต้นซอยสระเศรษฐี 17 ติดถนนสายท่าม่วง-จอมบึง ทาง อบจ.กำลังทำทางเชื่อมเทคอนกรีต เพราะยังขาดอยู่เพียง 500 เมตรเท่านั้น
วันนี้มีข้าราชการกรมที่ดินบรรจุใหม่ ย่างหมูย่างก็มีอัธยาศัยแบ่งให้ชิ้นเบ้อเริ่ม มาแวะทานข้าวต้มปลากระพงที่ตลาดนัดธนบุรี และยังได้กับข้าวกลับไปทานที่บ้านอีกด้วย
แม้วันนี้ที่ 5 สิงหาคมจะงดการประชุมคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจฯ แต่คณะกรรมาธิการการศาสนาฯ ได้มีการประชุมพิจารณาข้อเสนอแนะการจัดระบบจัดการทรัพย์สินของวัด และจะเชิญให้มาชี้แจงเพิ่มเติมอีกในวันที่ 19 สิงหาคม
@All แจ้งกรรมาธิการ ที่ปรึกษากิติมศักดิ์ ที่ปรึกษา เลขานุการ แจ้งงดกำหนดนัดประชุมคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ในวันนี้
เอกสาร “มาตรการหลังภาษีทรัมป์”ได้นำมาแจกในที่ประชุมคณะอนุกรรมาธิการตลาดทุน และคณะทำงานการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน เพราะจะมีการนำผลมาปรับใช้ประโยชน์ในการลงทุนโดยตรง และการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน
- นัดการประชุมคณะอนุกรรมาธิการ ในวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา เพื่อพิจารณาศึกษาบทบาทการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment: FDI) ต่อการพัฒนาตลาดทุนไทย โดยเชิญ ผู้อำนวยการสำนักงาน ป.ย.ป. เข้าร่วมประชุม
เรียนคณะทำงาน @All
- นัดการประชุมของคณะทำงาน ครั้งที่ 5/2568 ในวันพุธที่ 6 สิงหาคม 2568 เวลา 13.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ 205 ชั้น 2 อาคารรัฐสภา
- พิจารณาศึกษาแนวทางการยกระดับการประเมินมูลค่าทรัพย์สิน เพื่อการพัฒนาตลาดการเงินไทยอย่างยั่งยืน
- เลิกประชุมเวลา 15:00 น.
#วันนี้มีประชุมร่วมรัฐสภา ได้ที่จอดรถก็ต้องถ่ายรูปไว้ เลิกประชุมแล้วจะหารถจอดไว้ที่ไหนได้#
มาตรการหลังภาษีทรัมป์
การทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐหลังจากบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับไทย โดยประกาศปรับภาษีนำเข้าจาก 36% เป็น 19 % อัตรา 36%ได้ยืดเวลามีผลบังคับมาใช้บังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568
- 30 กรกฎาคม ทีมไทยแลนด์ปรับแก้และยื่นข้อเสนอรอบสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม 2568
- 1 สิงหาคม ทำเนียบขาวประกาศเก็บภาษี Reciprocal tariffs ไทยอัตรา 19% ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.และต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพราะข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับการตกลง FTA ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาไทย พ.ศ.2560 มาตรา 178 วรรค 2 กำหนดให้ข้อตกลงระหว่างประเทศบางประเภทต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนที่จะมีผลผูกพันประเทศไทย ซึ่งจะต้องแลกกับการที่ไทยเปิดตลาดให้
- ประเด็นสำคัญที่ยังต้องเจรจาต่อไปในรายละเอียด“กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า” โดยเฉพาะสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภูมิภาค (RVC Regional Value Content) เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าจากประเทศอื่น สหรัฐฯได้กำหนดอัตราภาษี 40% สำหรับสินค้าที่ต้องสงสัยว่ามีการส่งต่อผ่านประเทศที่สาม (Transshipment) เพื่อหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งทำให้การเจรจาเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้ามีความสำคัญยิ่งขึ้น
- ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ไทยต้องเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯเป็น 3 ระดับ และต้องแก้ไขกฎหมายภายในหลายฉบับเมื่อข้อตกลงผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
1. สินค้าที่เปิดตลาดเสรีให้สหรัฐทันทีภาษีนำเข้า 0% หลายรายการ โดยเป็นรายการสินค้าที่ไทยเปิดตลาดตามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นมาแล้ว
2. สินค้าที่เปิดตลาดเสรีให้สหรัฐบางส่วนภาษีนำเข้า 0% แต่ขอเวลา 3-5 ปี เพื่อให้ไทยปรับตัว
3. ส่วนสินค้าที่ผู้ผลิตในไทยไม่มีความพร้อมสำหรับการเปิดตลาดเสรีจะไม่ลดภาษี 0%
-ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐมีผลทำให้ไทยต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับโดยเฉพาะกฎกระทรวงอัตราภาษีศุลกากร รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดโควต้าสินค้านำเข้าและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตราฐานสุขอนามัน ซึ่งต้องมีการแก้ไขเพื่อเปิดตลาดให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐ
- เมื่อข้อตกลงจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และจะต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ การแก่ไขกฎหมายของครม.เพื่อลดภาษีนำเข้าจะดำเนินการหลังจากที่ข้อตกลงผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา สมควรที่คณะกรรมาธิการจะเชิญส่วนราชการทั้งที่ให้การสนับสนุน ชดเชยผู้ส่งออก และส่วนราชการเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายภาษีนำเข้า และมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี https://www.bangkokbiznews.com/business/economic/1192517
วันที่ 8 สิงหาคม ก่อนเดินทางไปโคราช ได้จัดพวงมาลัยดอกดาวเหลืองถวายพระมหามุนีรัตนโคดม และองค์พระโพธิสัตว์กวนอิม ที่ลานบ้านและจัดแจกันดอกกุหลาบสีแดง 9 ดอก 2 แจกันถวายที่โต๊ะหมู่ และใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อไปร่วมงานทำบุญ ร้าน “ขนมบ้านคุณย่า” เช่าอาคารอยู่ในตัวเมืองกิจการเจริญรุ่งเรืองกระทั่งมีกว่า 40 สาขา จึงได้ขยายสร้างโรงงานขนาด 4 ชั้นนอกตัวเมือง และเข้าพักที่โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์ พอยต์ ได้ห้อง Grand deluxe และยังได้ทานอาหารเย็นที่ “เรือนมณี” อาหารที่สั่งมี กุ้งแม่น้ำซอสมะขาม ต้มสายบัวปลาทู และหมูสับไข่เค็ม กับข้าวกล้อง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เผยประชาชนใช้สิทธิจองที่พัก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เมืองหลักเต็มจำนวนแล้ว เชิญชวนใช้สิทธิ์เดินทางเมืองน่าเที่ยวต่อเนื่อง คาดหยุดยาววันแม่นักท่องเที่ยวไทยเดินทาง 3.16 ล้านคน-ครั้ง | การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) | LINE TODAY
https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v3/article/3NwNRYr?utm_source=lineshare
วันที่ 9 สิงหาคม ยังอยู่ในเมืองโคราช เพื่อร่วมแสดงความยินดี คุณแพรวพรรณ ทับทิมธงไชย บริษัท ขนมบ้านคุณย่า จำกัด เปิดรง.ทำขนมประเภทอบ โดยเฉพาะกะหรี่พัฟ ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าในเขตอีสานใต้ และอีสานตอนบนแล้ว 46 สาขา บ้านที่เช่าอยู่ในตัวเมืองจึงไม่พอที่จะจัดส่งได้ทุกสาขา จึงขยายโรงงานมาตั้งที่นอกตัวเมือง เลี้ยงโต๊ะจีนจากอ.บัวใหญ่ มีคนเช่าอาคารมาตั้งแต่รุ่นแม่ร่วมโต๊ะ
- ขากลับ จึงแวะใช้บัตร “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ที่ยังเหลือแวะทานไส้กรอกเยอรมัน กับซุปหอยลาย ที่ร้าน Monkeys Steak เป็นร้านสาขาของ Ribsmann Khaoyai มาตั้งในตัวอำเภอปากช่อง แวะซื้อผลไม้ทั้ง อะโวคาโด และ น้อยหน่า ที่หาซื้อได้ราคาถูกกว่ากรุงเทพ กลับไปพักบ้านระหว่างวันหยุดที่เหลือ
วันที่ 19 สิงหาคม 2568 เวลา 14.00 นาฬิกา มีการนัดประชุมของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ครั้งที่ 20/2568 ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 330 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา นอกจากพิจารณาความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการ ได้ให้รายละเอียดข้อพิจารณามาตรการที่จะต้องติดตามภาษีทรัมป์ ที่มีผลตั้งแต่ 1 สิงหาคม เก็บเพิ่มเป็น 19% ภายหลังจากรัฐสภารับรองการที่รัฐบาลตกลงอัตราภาษีใหม่นี้แล้ว จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงอัตราภาษีและ มาตรการอื่นๆนอกเหนือจากภาษีต่อไป
เลิกประชุมเวลา 16:00 น.
การทำข้อตกลงการค้ากับสหรัฐหลังจากบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับไทย โดยประกาศปรับภาษีนำเข้าจาก 36% เป็น 19 % อัตรา 36%ได้ยืดเวลามีผลใช้บังคับมาใช่บังคับใช้วันที่ 1 สิงหาคม 2568
- 30 กรกฎาคม ทีมไทยแลนด์ปรับแก้และยื่นข้อเสนอรอบสุดท้าย ก่อนถึงเส้นตายวันที่ 1 สิงหาคม 2568
- 1 สิงหาคม ทำเนียบขาวประกาศเก็บภาษี Reciprocal tariffs ไทยอัตรา 19% ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากครม.และต้องเสนอรัฐสภาให้ความเห็นชอบ เพราะข้อตกลงดังกล่าวมีลักษณะคล้ายกับการตกลง FTA ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาไทย พ.ศ.2560 มาตรา 178 วรรค 2 กำหนดให้ข้อตกลงระหว่างประเทศบางประเภทต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาก่อนที่จะมีผลผูกพันประเทศไทย ซึ่งจะต้องแลกกับการที่ไทยเปิดตลาดให้
- ประเด็นสำคัญที่ยังต้องเจรจาต่อไปในรายละเอียด “กฎว่าด้วยแหล่งกำเนิดสินค้า” โดยเฉพาะสัดส่วนมูลค่าเพิ่มในภูมิภาค (RVC Regional Value Content) เพื่อป้องกันการสวมสิทธิ์สินค้าจากประเทศอื่น สหรัฐฯได้กำหนดอัตราภาษี 40% สำหรับสินค้าที่ต้องสงสัยว่ามีการส่งต่อผ่านประเทศที่สาม(Transshipment) เพื่อหลบเลี่ยงภาษี ซึ่งทำให้การเจรจาเรื่องแหล่งกำเนิดสินค้ามีความสำคัญยิ่งขึ้น
- ข้อตกลงดังกล่าวจะทำให้ไทยต้องเปิดตลาดนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เป็น 3 ระดับ และต้องแก้ไขกฎหมายภายในหลายฉบับเมื่อข้อตกลงผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาแล้ว
1. สินค้าที่เปิดตลาดเสรีให้สหรัฐทันทีภาษีนำเข้า 0% หลายรายการ โดยเป็นรายการสินค้าที่ไทยเปิดตลาดตามข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับประเทศอื่นมาแล้ว
2. สินค้าที่เปิดตลาดเสรีให้สหรัฐบางส่วนภาษีนำเข้า 0% แต่ขอเวลา 3-5 ปี เพื่อให้ไทยปรับตัว
3. สินค้าที่ผู้ผลิตในไทยไม่มีความพร้อมสำหรับการเปิดตลาดเสรีจะไม่ลดภาษี 0%
- ข้อตกลงการค้ากับสหรัฐมีผลทำให้ไทยต้องมีการแก้ไขกฎหมายหลายฉบับโดยเฉพาะกฎกระทรวงอัตราภาษีศุลกากร รวมถึงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดโควต้าสินค้านำเข้าและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานสุขอนามัย ซึ่งต้องมีการแก้ไขเพื่อเปิดตลาดให้สินค้านำเข้าจากสหรัฐ
- เมื่อข้อตกลงจะต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา และจะต้องแก้ไขกฎหมายหลายฉบับ การแก่ไขกฎหมายของครม.เพื่อลดภาษีนำเข้าจะดำเนินการหลังจากที่ข้อตกลงผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภา สมควรที่คณะกรรมาธิการจะเชิญส่วนราชการทั้งที่ให้การสนับสนุน ชดเชยผู้ส่งออก และส่วนราชการเกี่ยวข้องกับการแก้ไขกฎหมายภาษีนำเข้า และมาตรการกีดกันที่ไม่ใช่ภาษี https://www.tnnthailand.com/wealth/investment/208456/
วันที่ 22 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 9:30 น. ได้ไปร่วมฟังการสนทนา AI Thailand Update จัดโดยท่านอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII เพื่อเปิดให้เห็นถึงโอกาสที่ AI จะนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเกษตร การแพทย์ การศึกษา รวมถึงการท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะผลจากภาษีทรัมป์ทำให้กติกาของโลกเปลี่ยนไป ทำให้ประเทศจะต้องปรับตัวตามกติกาโลกใหม่
- เวที AI ไทยแลนด์
: เอฟเคไอไอ-สถาบันทิวา ผนึกหอการค้า-สมาคมเอไอ.ขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อัพเกรดศักยภาพประเทศสู่ผู้นำอาเซียน https://siamrath.co.th/n/644768
- เลิกประชุมเวลา 13:00 น. เลี้ยงอาหารกลางวัน
วันที่ 26 สิงหาคม ตอนบ่ายรีบตรงไปรัฐสภาเพราะมีนัดการประชุมของคณะกรรมาธิการการเศรษฐกิจ การเงิน และการคลัง วุฒิสภา ครั้งที่ 21/2568 ในวันอังคารที่ 26 สิงหาคม 2568 เวลา 15.00 นาฬิกา ณ ห้องประชุมกรรมาธิการ CA 330 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา
- พิจารณาความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมาธิการ
ปิดประชุมเวลา 16:30 น.
เช้าวันที่ 29 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 10:00-10:30 น.ได้เข้า Zoom online กับคุณกฤศฐา CEO V2 S Marketing ที่ช่วยให้คำปรึกษาการประชาสัมพันธ์งาน”จัดระบบจัดการทรัพย์สินของวัด“ ให้ถึงสื่อทั่วไปและ ช่วยสนับสนุนการตลาดสำหรับหนังสือ”วัดที่ได้ยกฐานะเป็นพระอารามหลวงในรัชกาลปัจจุบัน“
และเพื่อให้รู้ว่า AI ทำงานอย่างไร จึงสั่งซื้อหนังสือ“คู่มือ ทำนายหน้า Tik Tok ด้วย AI” มาอ่านดูให้รู้ที่มาที่ไปจากที่ได้เข้าร่วมสัมมนาเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 9:30 น. ได้ไปร่วมฟังการสนทนา AI Thailand Update จัดโดยท่านอลงกรณ์ พลบุตร ประธานสถาบัน FKII เพื่อเปิดให้เห็นถึงโอกาสที่ AI จะนำมาใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การเกษตร การแพทย์ การศึกษา รวมถึงการท่องเที่ยวด้วย โดยเฉพาะผลจากภาษีทรัมป์ทำให้กติกาของโลกเปลี่ยนไป ทำให้ประเทศจะต้องปรับตัวตามกติกาโลกใหม่
- เวที AI ไทยแลนด์
: เอฟเคไอไอ-สถาบันทิวา ผนึกหอการค้า-สมาคมเอไอ.ขับเคลื่อนเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อัพเกรดศักยภาพประเทศสู่ผู้นำอาเซียน https://siamrath.co.th/n/644768
- เลิกประชุมเวลา 13:00 น. เลี้ยงอาหารกลางวัน
ศาลอุทธรณ์รัฐบาลกลางสหรัฐฯ (Federal Circuit) ได้มีคำพิพากษาครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 29 สิงหาคมชี้ว่ากำแพงภาษีศุลกากรครั้งประวัติศาสตร์ชี้ว่ากำแพงภาษีศุลกากรส่วนใหญ่ที่บังคับใช้ “ขัดต่อกฎหมายและให้ถือเป็นโมฆะ“
คำตัดสินดังกล่าว ศาลลงมติด้วยเสียง 7 ต่อ 4 ครอบคลุมภาษีที่ใช้เรียกเก็บจากนานาประเทศทั่วโลก รวมถึงกำแพงภาษีที่ใช้กับคู่ค้าสำคัญอย่าง จีน, เม็กซิโก และแคนาดา
ศาลได้ปฏิเสธข้ออ้างทรัมป์ที่ว่า เขามีอำนาจในการตั้งกำแพงภาษีภายใต้กฎหมายอำนาจเศรษฐกิจระหว่างประเทศยามฉุกเฉิน (IEEPA) โดยชี้ว่าการประกาศสภาวะฉุกเฉินทางการค้าเพื่อขึ้นภาษีนั้นอยู่นอกขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีและย้ำว่าการกำหนดอัตราภาษีถือเป็น “อำนาจหลักของสภาคองเกรซ“
อย่างไรก็ตาม คำพิพากษานี้จะยังไม่มีผลบังคับใช้ในทันที โดยศาลได้ให้เวลารัฐบาลจนถึงวันที่14 ตุลาคม เพื่อยื่นอุทธรณ์คำตัดสินต่อศาลฎีกา ซึ่งคาดว่าว่าจะนำไปสู่การต่อสู้ทางกฎหมายครั้งสำคัญที่จะชี้ขาดขอบเขตอำนาจของประธานาธิบดีสหรัฐฯต่อไป
คำพิพากษาดังกล่าวถือว่าเป็นการยกเลิกภาษีศุลกากรที่ทรัมป์เรียกว่า”วันแห่งเสรีภาพ“ หรือ Liberation Day ซึ่งได้กำหนดอัตราภาษีพื้นฐานที่ 10% สำหรับเกือบทุกประเทศคู่ค้าของสหรัฐฯ รวมถึง”ภาษีแบบตอบโต้“ เป็นการตอบสนองต่อการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐฯจากประเทศเหล่านั้น
ทรัมป์อ้างว่า เขามีอำนาจตามกฎหมายในการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับประเทศคู่ค้า การใช้กฎหมายว่าด้วยอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA) ซึ่งให้อำนาจแก่ประธานาธิบดีในการควบคุมหรือห้ามการทำธุรกรรมระหว่างประเทศในช่วงภาวะฉุกเฉินระหว่างชาติ
รัฐบาลทรัมป์ได้อ้างสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ เช่นการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯ การลักลอบนำเข้ายาแฟนตานิล และการเข้าเมืองผิดกฎหมายเป็นเหตุผลในการดำเนินมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้รายได้จากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯเฉพาะเดือนกรกฎาคมอยู่ที่ 1.42 แสนล้านดอลลาร์ (ราว 4.5 ล้านล้านบาท) ซึ่งมากกว่าสองเท่าของช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หากมีคำตัดสินสุดท้ายให้ยกเลิกมาตรการภาษีของทรัมป์จะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อข้อตกลงทางการค้าที่ทรัมป์เคยประกาศอย่างครึกโครมอีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่ฝ่ายบริหารอาจต้องเผชิญกับการฟ้องขอคืนเงินภาษีศุลกากรที่หลายประเทศได้มีการจ่ายไปแล้ว
https://www.bangkokbiznews.com/world/1196559?anf=
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น