ราคารวม : ฿ 0.00
แม่เจ้านิลตวงเป็นนางนาคินีเจ้าลูกพี่ลูกน้องกับท่านปู่เจ้า แต่ถูกเนรเทศขับไสออกไปอยู่นอกรัตนนาคาบุรี นางเคยกระทำบาปมหันต์ร่ายนิลไสยเวทให้พญาองค์อรินทราชชนกนาคเจ้าขององค์อรินทร์ลุ่มหลงในตัวนาง จนถึงคราวิบัติทำให้พระนางบรรณศรีปิ่นพระชนนีขององค์อรินทร์ดื่มพิษจากนิลไสยเวทของนางแทน เป็นเหตุทำให้พระชนกต้องดูดพิษสู่ตัวพระองค์เพื่อช่วยพระชนนี อุบัติการณ์ครั้งนี้ท่านปู่เจ้ามิอาจช่วยทั้งสองพระองค์ได้ทัน ดวงจิตของทั้งสองพระองค์ต้องดับสูญไปในทันที ท่านปู่เจ้าทรงเมตตาเห็นว่าครั้งหนึ่งแม่เจ้านิลตวงเคยช่วยเหลือพระองค์ เมื่อคราพระองค์ถูกพิษของอสุรินทรนาคราชที่เข้ามาระรานทำร้ายวงศ์วานถึงรัตนนาคาบุรี ท่านปู่เจ้าจึงละโทษอุกฉกรรจ์นี้แต่ได้ขับไล่ไสส่งให้นางห่างพ้นจากนคราไปอยู่ที่ถ้ำนิลมคธห่างไปไกลหลายสิบโยชน์ นางบำเพ็ญเพียรภาวนาร่ายนิลไสยเวทเพื่อปกป้องคุ้มครองจากผองภยันตรายต่างๆ จนมีอาคมแก่กล้าขึ้นเป็นลำดับ แม้กระทั่งท่านปู่เจ้าเองยังกริ่งเกรงไสยเวทของนาง
“พวกเจ้ามาหาข้าด้วยเหตุอันใดเล่า” แม่เจ้านิลตวงแผดเสียงออกมาจากในถ้ำ ทำให้สองสนมนาคินี มัลลิกาและสุทิสา...ผงะทันที
“เจ้าทั้งสองออกไปให้ไกลจากถ้ำข้า มิเช่นนั้นข้าจะพ่นพิษแสนห่าใส่พวกเจ้า...ไป!!!” เสียงของแม่เจ้าตวาดจนสนมนาคีทั้งสองนางล่าถอยกันคนละทางด้วยความตระหนก
“ข้ามิบังควรมารบกวนการบำเพ็ญของแม่เจ้า ข้าสมควรรับโทษ...แต่ฟังข้าก่อนนะเจ้าค่ะ” มัลลิกาเฝ้าคิดหาอุบายที่จะพาที
“ข้าเช่นกัน อันใดที่ทำให้แม่เจ้าขัดเคือง...ข้าขอประทานอภัยเจ้าค่ะ” สุทิสาไม่อยาก
กลับไปเช่นกัน นางแค่จะพบแม่เจ้านิลตวงสักครั้งเพราะนางไม่เคยมาที่นี่เลย นอกจากมัลลิกาเท่านั้นที่เคยมาเมื่อคราก่อน
“ข้าจำได้ แม่นางมัลลิกาเคยมาพบข้าแล้วเมื่อคราก่อน” แม่เจ้าย้ำว่าเคยเจอมัลลิกามาครั้งหนึ่งแล้ว น้ำเสียงเหมือนไม่พอใจที่มาพบยามนี้อีก
“เพลานี้ข้าอยากบำเพ็ญภาวนา ชำระล้างความผิด” แม่เจ้าเหมือนพูดถึงความผิดของตนเองขึ้นมา
“ข้าทั้งสองมีเรื่องร้อนรุ่มให้แม่เจ้าช่วยพวกข้านะเจ้าค่ะ” สุทิสาอ้อนวอนขอร้องนาง
“พวกเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อนอีก” แม่เจ้ายังไม่ยอมให้นางทั้งสองเข้าพบ
“แม่เจ้าเคยบอกข้าว่า แม่เจ้าอยากได้มนตรา ‘มณีพชร’ มิใช่ฤา” มัลลิกาหากลอุบายเพื่อล่อใจนาง
“พวกเจ้าเดินเข้ามา ผนังถ้ำกำลังเปิด”แม่เจ้าร่ายนิลมนตราเปิดผนังถ้ำตรงเบื้องหน้าของนางทั้งสอง
ทั้งสองเดินผ่านทะลุผนังถ้ำเข้าไป สุทิสากวาดตามองไปรอบๆ ภายในถ้ำ นางเห็นแม่เจ้ากำลังนั่งบริกรรมอยู่บนหินก้อนใหญ่ตรงเบื้องหน้า เบื้องซ้ายและขวามีหัวพญานาคประกายสีนิลดำขลับ ตาสีแดงก่ำมองมายังนางทั้งสอง สุทิสาผงะสะท้านตกใจด้วยความหวาดกลัว
“แม่เจ้า ข้าอยากได้มนตรามายาสังวาส...นะเจ้าค่ะ” มัลลิกาโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูนาง จนสุทิสาเองนางได้ยินเพียงแว่วๆ ไม่ค่อยชัดเจนเท่าใดนัก
“ข้าไม่แจ้งใจว่า พวกเจ้าจะเอามนตรานี้ไปด้วยเหตุอันใด ฤาว่าองค์อรินทร์...ไม่ได้ ไม่ได้!!!... พวกเจ้าจะทำให้ข้าเดือดร้อน” แม่เจ้านิลตวงตบอกนางเบาๆ ด้วยนางเองเคยถูกขับไล่ออกมาจากนครามายามนั้นแล้ว หากยังทำอะไรให้เกิดความผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ชีวิตนางอาจหาไม่อีกเป็นแน่แท้
“ข้าจะไปแอบลักมนตรา ‘มณีพชร’ มาให้เจ้าค่ะ” มัลลิกายังออดอ้อนต่อเพื่อให้นางเกิดความสนใจ
“มิง่ายดายอย่างเจ้าคิดดอก แม่นางทั้งสองยังมิได้เข้าพิธีนาคาสังวาสล่ะสิ ถึงได้ร้อนใจมาถึงถ้ำของข้า” แม่เจ้าหัวร่อเย้ยหยันนางสนมทั้งสอง จนสุทิสาก้มหน้าไม่พาทีแต่อย่างใด นางปล่อยให้มัลลิกาต่อรองจะได้หรือไม่ก็สุดแต่มัลลิกาจะมีอันใดเสนอให้แม่เจ้าพึงใจ
“ข้าไม่แจ้งใจว่า แม่เจ้าจะอยู่เยี่ยงนี้ไปใย ถ้ามีมนตรา ‘มณีพชร’ แม่เจ้าจะเป็นนาคินีเจ้าที่วิเศษถึงสามภพภูมิเจียวนะ...เจ้าค่ะ” แม่เจ้านิลตวงเห็นด้วยกับมัลลิกา นางต้องอาภัพอับหนทางเพราะท่านปู่เจ้าเสือกไสไล่นางออกจากตำหนักนาคา และอยู่อย่างไร้ข้าหลวงดูแลหลายขวบปีแล้ว นางอยากกลับไปเป็นใหญ่ที่ตำหนักของรัตนนาคาบุรีอีกครั้งและอยากกำจัดท่านปู่เจ้าให้พ้นทางเช่นกัน
“บอกข้าสิว่า เจ้าจะไปลักมนตรา ‘มณีพชร’ ด้วยหนทางใด” แม่เจ้ามองไม่เห็นว่าพวกนางทั้งสองจะมีช่องทางอันใด
“ข้าจะทำการลักมนตรานี้จากองอรินทร์เมื่อท่านสำเร็จสังวาสกับข้า แล้วท่านจะต้องพักกายาเพื่อบำรุงพละกลับดังเดิม ข้าจะกระทำการ ณ เพลานั้น” มัลลิกาย้ำว่านางจะกระทำการนี้ให้สำเร็จจงได้
“หากพลั้งพลาด เจ้าจะดับสูญเจียวนะ หากองค์อรินทร์แจ้งใจมาถึงข้า ดับสูญกันหมดทั้งเจ้า...ทั้งข้า” แม่เจ้าแผดเสียงแหลมดังกึกก้องไปทั้งถ้ำ จนมัลลิกาไม่กล้าจะพาทีกับแม่เจ้าอีกด้วยหวาดผวากับเสียงของนาง
แม่เจ้านิลตวงยังคงหลับตาระหว่างพาทีกับนางทั้งสอง มีแต่เสียงดังกังวานกระทบผนังถ้ำ มัลลิกาจึงรู้ว่าแม่เจ้ามีพละมนตราอันยิ่งใหญ่หยั่งรู้ใจได้ ยามนี้นางจึงนิ่งเงียบไม่พาทีให้แม่เจ้าเกิดพิโรธโกรธนางมากยิ่งขึ้น นางจึงมองหน้าสุทิสาว่าจะทำประการใด ฤาว่าจะกลับไปหาหนทางอื่นดี พลันนางก็สะดุ้งได้ยินเสียงหัวร่อกังวานด้วยความปีติ
“เอาล่ะ ข้าคิดออกแล้ว ข้าจะช่วยพวกเจ้า” แม่เจ้าลืมตาขึ้น ตาดำลอยอยู่เพียงแค่ครึ่งลูกตาประหนึ่งแววตาเสือดำที่จ้องนางสนมทั้งสองอย่างเคลือบแคลง
“ข้าจะจำแลงกายเป็นเจ้าหลังจากที่สำเร็จสังวาสแล้ว เจ้าต้องรีบออกไปทันที ยามนั้นข้าจะลักมนตรา ‘มณีพชร’ ออกมา” เสียงหัวร่อของแม่เจ้าแหลมดังกึกก้องกัมปนาทเหมือนหนึ่งนางดีใจที่จะทำการนี้ได้ดั่งปรารถนา
ท่านปู่เจ้าและพระเจ้าน้าศรีปิ่นย้ำเตือนองค์อรินทร์ว่านางสนมอีกสองนาง พระองค์จะทรงลืมไม่สนพระทัยนั้นมิได้ ด้วยเหตุแห่งความริษยาอาฆาตอาจทำร้ายวิมาดาสนมสุดท้องให้ลำบากได้ องค์อรินทร์เริ่มไม่พอพระทัยนางทั้งสองตั้งแต่วันเข้าพิธีนาคาสังวาสกับวิมาดาแล้ว พระองค์รู้ด้วยญาณนิมิตว่าวิมาดาต้องพบกับภยันตราย จึงได้มอบผอบจิตรภิบาลไว้ป้องกันนาง
แต่ด้วยทรงเกรงพระทัยทั้งสองพระองค์ องค์อรินทร์จึงทรงแจ้งว่าพระองค์จะเข้าร่วมพิธีนาคาสังวาสกับสองนางพร้อมกันในวันคืนแรม 11 ค่ำ ในนักษัตรบุษยะ คืออีกสองข้างแรมหน้ายามสองเริ่มด้วยสนมสุทิสานางแรกและตามด้วยสนมมัลลิกา องค์อรินทร์แจ้งเหล่าข้าหลวงเตรียมการให้นางทั้งสองเข้าร่วมพิธีพร้อมกัน ฝ่ายมัลลิกาได้ไปพบแม่เจ้านิลตวงอีกคราเพื่อแจ้งวันให้นางรับรู้เพื่อเตรียมกระทำการ
ก่อนถึงวันพิธีสุทิสาเกิดวิตกหวั่นเกรงว่าความจะแตกก่อนที่แม่เจ้าจะกระทำการ นางจึงครุ่นคิดว่าจะกระทำอันใดดีด้วยเหตุเกรงภัยจากองค์อรินทร์หากถูกจับได้ นางจะถูกโทษทัณฑ์ซึ่งนางเองมิได้ต้องการที่จะร่วมรู้เห็นในการณ์นี้เลย
‘ฤาว่า ข้าไปพาทีกับวิมาดาดูน่าจะเข้าที’ สุทิสาคิดถึงวิมาดาที่นางมิได้พาทีด้วยหลายเพลานับแต่วันที่นางเข้าพิธีกับองค์อรินทร์
“พี่สุทิสา มีอันใดถึงมาที่ตำหนักข้ายามนี้” วิมาดายังให้ความเกรงใจแก่นางเหมือนเดิม แม้ว่าคราก่อนสุทิสาจะโกรธนางมากมายเพียงนั้น
“เจ้าคงมีความสุขมากสินะ นับแต่เข้าพิธีครานั้น” สุทิสายังมีไฟริษยานางอยู่
“องค์อรินทร์ยังทรงบำเพ็ญฌาน นับแต่เพลานั้นข้ายังมิได้เข้าพบพระองค์อีกเลย”
วิมาดาย้ำกับสุทิสาว่าอย่าได้กังวลอีกเลย ด้วยนางกับสนมมัลลิกากำลังจะได้เข้าพิธีอีกไม่กี่ชั่วยาม
“ข้าอยากถามความจากเจ้าสักหนึ่งข้อ” สุทิสาอยากรู้องค์อรินทร์สำเร็จสังวาสนานกี่เพลา ด้วยนางจะต้องเข้าสังวาสก่อนมัลลิกา นางกังวลใจมากอยากไปให้พ้นจากการรู้เห็นเหตุที่แม่เจ้ากับมัลลิกาจะกระทำการ
“ข้าคงบอกท่านไม่ได้ องค์อรินทร์ทรงตัดสินพระทัยว่าจะนานกี่เพลา” สุทิสารู้ได้ว่านางคงมิได้คำตอบจากวิมาดาแต่อย่างใด นางจึงเดินออกไปจากตำหนักทันทีทำให้วิมาดาสงสัยยิ่งนัก
ยามรุ่งคืนแรม 11 ค่ำ ซึ่งก่อนพิธีมัลลิกาเรียกสุทิสาให้เข้ามาเตรียมสวดมนตรามายาสังวาส ตามที่ได้รับไสยเวทนี้จากแม่เจ้านิลตวง ด้วยจิตริษยามัลลิกาจึงไม่อยากให้สุทิสาได้รู้บทสวดนี้ที่แม่เจ้ามอบให้นางแต่ผู้เดียว นางจึงบอกไสยเวทผิดๆ ให้สุทิสา มัลลิกาแกล้งบอกให้นางเข้าใจผิดถึงบทร่าย แต่สุทิสาวิตกหวั่นเกรงภยันตรายหากนางทำผิดพลาด ก่อนพิธีนางจึงตัดสินใจไม่กระทำตามที่มัลลิกาบอก จะร่วมสังวาสกับองค์อรินทร์โดยไม่ร่ายบทมนตราดังที่มัลลิกาบอกกล่าว
ก่อนยามสองขบวนข้าหลวงนางรำสองขบวนเข้าสู่พิธีหน้าพระตำหนักนาคาสังวาส วิมาดาเดินนำหน้านางสนมทั้งสองที่อยู่หน้าขบวนข้าหลวงนางรำ เมื่อองค์อรินทร์มาปรากฏกายขึ้นให้วิมาดาเห็นแล้ว นางจึงเดินออกไปยืนอยู่ด้านหลัง แล้วให้สนมสุทิสาออกมายืนแทนที่นาง ทันทีที่สุทิสาได้ยื่นพวงดอกกัลปพฤกษ์ออกไป นางก็หมดสติเมื่อลมเย็นอ่อนพลิ้วปะทะหน้านาง ส่วนมัลลิกายื่นพวงดอกกัลปพฤกษ์ค้างไว้แต่นางรู้สึกว่าถูกลมพัดหอบขึ้นมาอยู่บนยอดตำหนักอีกห้องหอหนึ่ง นางมารอเฝ้าองค์อรินทร์หลังจากพระองค์สำเร็จสังวาสแล้วกับสุทิสา ณ เพลานี้ทำให้นางร้อนรุ่มริษยาสุทิสายิ่งนักและใจหวั่นวิตกเกรงว่าสุทิสาจะกระทำการพลาดพลั้ง ความที่เตรียมไว้จะไม่สำเร็จจะนำภัยมาสู่นางและแม่เจ้านิลตวง
ยามนี้องค์อรินทร์ทรงเครื่องนาคาธิบดีเหลืองอร่ามทั้งองค์ สุทิสาได้สติกลับคืนมา นางตระหนกเมื่อเห็นหอสังวาสเหลืองอร่ามเรืองรองทั่วทั้งหลัง นางวิตกต่อการณ์ที่มัลลิกากับแม่เจ้าจะกระทำต่อองค์อรินทร์จึงนั่งนิ่งก้มหน้าเงียบ
“เจ้าจะนั่งนิ่งๆ อยู่ทั้งราตรีนี้เจียวรึ อย่ากลัวไปข้าจะไม่บังคับอะไรหากเจ้ายังเฉยอยู่” องค์อรินทร์ยิ้มและเชยคางมองแววตาสุทิสาเพื่อให้นางคลายวิตก
“พระองค์จะอยู่กับข้านานกี่เพลา...เพคะ” สุทิสาต้องการล่วงรู้และไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นกับองค์อรินทร์ หากนางอยู่กับพระองค์นานจนเลยเพลาพิธีสังวาสของมัลลิกา จะทำให้การณ์ที่แม่เจ้ากับมัลลิกาคิดกระทำจะมิสำเร็จลุล่วง
“เจ้ามัวคิดอันใดอยู่ฤา ข้าอยากเริ่มพิธีของเรา” องค์อรินทร์ย้ำสุทิสาจนนางสะดุ้งทำให้องค์อรินทร์สงสัย
“เพคะ” องค์อรินทร์เริ่มจับความที่ทรงพะวงไว้แต่แรกแล้วว่า สนมทั้งสองนางนี้มีพิรุธ พระองค์จึงแกล้งให้นางสะดุ้ง
“เจ้ามานั่งชิดๆ ข้า ข้าจะเริ่มพิธีจะเลยเวลาของมัลลิกา” องค์อรินทร์เริ่มเข้าสู่ปฐมบทนาคาสังวาส
ข้ากลับแปลงกายร่างเป็นนาคา เจ้าเป็นนาคินีรอรัดข้า
กระวัดเหวี่ยงไปอย่ารอช้า จะค่อยพาเจ้าสู่มหานที
คลื่นลมแรงถาโถมกอดตัวเจ้า ข้าจะเข้าไปลึกไม่ถอยหนี
สุดปากอ่าวรื่นรมย์สมฤดี จะซอยถี่ถี่ไว้ให้สุดแรง
จงรัดข้าเพิ่มพลังให้กำหนัด เกล็ดเจ้าขัดสีข้าให้เกิดแสง
จะถนอมกายเจ้าอย่าเคลือบแคลง อย่าแกล้งถอยห่างข้าจะเหนื่อยไป
เจ้ายังมีแก่ใจร่วมกายข้า แต่ใช่พาสมสุขด้วยเหตุไหน
บอกข้าได้ไหมเจ้าดวงฤทัย จะได้แก้ที่เหตุให้บรรเทา
ด้วยอยากให้เจ้าได้เสวยสุข ทุกข์ข้างในบอกข้าจะช่วยเจ้า
ที่พะวงจะจุมพิตให้บางเบา โอ้นงเยาว์อย่าพะวักพะวนเลย
ข้าจะสลัดออกซึ่งกำหนัด คลายรัดเจ้าขออย่าเมินเฉย
จงมาโอบข้าไว้นะเจ้าเอย ข้าจะเผยให้เจ้าช่วยข้าที
จะสำเร็จเสร็จสมสังวาสนี้ ต้องท่วงท่าสมสง่าตามวิถี
ให้เลียเกล็ดเสร็จสิ้นตามพิธี ข้าจะมีพละกำยำอีกพันปี
แล้วองค์อรินทร์สิ้นกลายร่าง คืนสู่องค์มานพงามอร่ามศรี
สุทิสาเหนื่อยอ่อนค่อนราตรี เปลือยร่างพลีกายใจขอจับจอง
จากนั้นนางก็กลับฟื้นคืนพละ สุดแสนจะเอียงอายสมสนอง
สังวาสนี้พระองค์ได้ลำพอง สนุกสมปองนางนี้ดีนักเอย
องค์อรินทร์สั่งมัลลิกาให้กลับร่างเป็นนาคี เลื้อยเข้าเฝ้าพระองค์แล้วจึงเริ่มนาคา
สังวาสกับนางทันที
องค์อรินทร์กลายร่างเข้าอีกครั้ง แผ่พังพานเหลืองลออ...รอเสนอ
มัลลิกาเลื้อยเข้ารัดต้นคอ พระองค์จ่อรอท่าหาท่วงที
เห็นนางโปรยมายาริ้วนิลสาย คล้ายสังวาลเกี่ยวให้หลุดวิถี
ถลำรุกเข้าทางบ่วงนาคี มนตรานี้สะกดองค์ให้งงงัน
แต่ด้วยพระองค์พะวงจิต มีนิมิตระแวงจากนางนั้น
สุทิสาไม่แจ้งให้รู้ทัน จึ่งทรงปั้นแต่งแกล้งทำนอง
องค์อรินทร์กลับร่างสู่นักพรต มนต์สะกดพ่นพิษนางทั้งสอง
สุทิสาดับไปไม่ทันตรอง มัลลิกาต้องพิษเข้ากลางใจ
แม่เจ้านิลตวงล่วงรู้แจ้ง กายที่แฝงหายวับใจหม่นไหม้
นางทำพลาดผิดคิดการณ์ไกล ด้วยไว้ใจสองนางขาดระวัง
นางสำนึกครานี้ได้ประจักษ์ พระองค์จักลงทัณฑ์ให้คุมขัง
ทิพปภาดับสูญจากเวียงวัง ยังมิฟังปู่เจ้ากำราบเตือน
มาครานี้นางจำต้องทนทุกข์ ฉุกคิดถูกผิดรอยด่างเปื้อน
ถึงสามภูมิผิดนี้มิลืมเลือน หงอนนาคีถูกเฉือนหมดลำพอง
องค์อรินทร์สั่งก้องกัมปนาท หากบังอาจทำให้ขุ่นข้องหมอง
คราหน้าไม่มีร่างให้ได้ครอง มิต้องวอนอันใดให้...ชีวีคง
องค์อรินทร์ยังระทมทุกข์ถึงพระนางทิพปภานาคินีอยู่ทุกเพลามิวายเว้น ครานี้ที่ถูกสนมทั้งสองกระทำการร่วมกับแม่เจ้านิลตวงร่ายมนตรามายาสังวาส แม้สุทิสาจะเพียงคิดได้ก็ตามแต่ด้วยบาปที่คราก่อนนางได้ร่วมกระทำกับมัลลิการ่ายนิลไสยเวทใส่ทิพปภา ทำให้นางต้องดับสูญไปทันทีด้วยแสงอสุนีต้องมณีพชร พระองค์มิอาจช่วยนางได้ทันเพลา ยังซึ่งความโทมนัสมาสู่พระทัยของพระองค์มิสร่างซา และยังความสำนึกผิดด้วยไม่รู้จะทำการอันใดให้พระชนกและชนนีของนางแจ้งใจถึงความผิดพลั้งพลาดครานั้นได้
คิดถึงด้วยครานั้นจุมพิตนาง นวลปรางร่างสะท้านสั่นกายข้า
เจ้าทำให้ซาบซึ้งตรึงอุรา กระสันพาพิลาสเนื้อนวลใย
จะตามไปให้ถึงสุดแดนภพ ตามให้พบด้วยญาณอสงไขย
แม้ต้องอยู่ห่างกันสุดแสนไกล ใจของข้าอยู่ด้วยเจ้าทุกเพลา
-----------------
รีดเดอร์สามารถอ่านได้ทั้งเรื่องอย่างจุใจ ที่อีบุ๊กเรื่องนี้ได้ค่ะ
Share :
Write comment