Episode 1 : องค์อรินทร์นาควงศ์

พญาปู่อายุรเวท หรือพญาปู่เจ้าเวทจิตรา ในนาคพิภพเรียกขานท่านว่า ‘ท่านปู่ดวงตาดาวจระเข้’ ท่านมีพระชาติกำเนิดในดาวฤกษ์ที่ 14 เป็นดาวดวงตาจระเข้หรือดาวตาเสือ เป็นปู่เจ้าที่อบรมให้ความรู้ด้านไสยเวทและมฤคเวทแก่ ‘พญาภัทรสุทธินาคิน’ แห่งรัตนนาคาบุรี พระองค์ถือชาติกำเนิดในตระกูลองค์อรินทร์นาควงศ์ โดยพญาองค์อรินทราชชนกนาคเจ้าและพระนางบรรณศรีปิ่นนาคินีเจ้าทรงเป็นพระชนกและพระชนนี ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์ตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ จึงได้ทรงอยู่ในอุปถัมภ์ของพญาปู่เจ้าเวทจิตรา และพระองค์ได้ทรงศึกษาวิทยาต่างๆ จากท่านปู่เจ้าด้านไสยเวทมนตราและมฤคเวทอันเป็นอิทธิฤทธิ์มหิธรานุภาพ 

 

ด้วยบารมีที่ได้สั่งสมมาหลายแสนนาคกัปจากการบำเพ็ญภาวนาและการสวดศิรสังหิตาซึ่งเป็นบทสวดสดุดีนาคเทพเจ้า จึงได้เกิดอัญมณีประจำพระองค์เป็นเพชรสายฟ้า ซึ่งลูกแก้วขาวบริสุทธิ์ใสประดุจ ‘มณีพชร’ นี้ จะรับรู้ได้ทั้ง 6 อายตนะ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มีมนตราที่ซ่อนอยู่ 6 คำ คือ จะ-กะ-นา-ชิ-สะ-หะ ซึ่งหมายถึง จักขุ กรรณ นาสิก ชิวหา สรีระ หทัย โดย ‘พญาภัทรสุทธินาคิน’ หรือ องค์อรินทร์นาคเจ้า จะสามารถร่ายเวทแห่ง ‘มณีพชร’ เพื่อกำจัดภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในหมู่นาควงศ์ เพื่อปกป้องการรุกรานจากเหล่านาคพาลาพวกนาคเกเรทั้งหลาย เพื่อปกป้องนิลไสยเวทจากพวกนาคอสุรา เพื่อเป็นทิพยอสงไขยอันเป็นดวงตาทิพย์ตามหาดวงจิตที่ไปจุติใหม่ และเพื่อเป็น ญาณอสงไขย ที่จะนำพาดวงจิตกลับสู่มิติของนาคภูมิ เหล่านาคะและนาคีทั้งหลายแห่งรัตนนาคาบุรียกย่ององค์อรินทร์ประดุจนาคเทพทั่วแดนภพภูมิ พญาปู่เจ้าเวทจิตรามีอิทธิพลต่อองค์อรินทร์อย่างใหญ่หลวง นอกจากจะเป็นลุงของพระองค์แล้วยังมีศักดิ์เป็นน้าเขย เพราะน้องของพระชนนีพระองค์ทรงสมรสกับท่านปู่ ทรงมีสมญาว่า ‘พญาปู่เจ้า’ เนื่องด้วยเป็นผู้มีวิทยาอาคมขมังเวทย์ ไม่มีนาคะตนใดเสมอเหมือน พระชนกและพระชนนีของพระองค์เป็นวงศ์วานเครือญาติกับท่านปู่เจ้า นับแต่ครั้งยังเป็นองค์อรินทร์น้อย พระองค์มีแต่ท่านน้าพระนางวิสุทธิศรีปิ่นนาคินีเจ้า ชายาของท่านปู่เจ้าคอยดูแลอบรมเรื่องนาคจริยวัตร ซึ่งเป็นคุณธรรมความดีงามของนาคินฝ่ายปกครอง

“ท่านน้า ข้ายังไม่ทราบถึงความรัก ความใคร่ของนาคเทพว่าเป็นฉันใด” องค์อรินทร์สอบถามเรื่องที่ยิ่งใหญ่สำหรับพระองค์ แต่พระเจ้าน้าศรีปิ่นก็แปลกพระทัยว่าพระองค์ยังเยาว์ยิ่งนัก

“พระองค์ต้องเรียนรู้จากท่านลุงนะเจ้าค่ะ” เจ้าน้าศรีปิ่นแนะนำให้ทรงปรึกษากับท่านปู่เจ้า

“ท่านลุง เราจะเรียนรู้ความรักด้วยหนทางใดได้บ้าง ข้ายังสงสัยว่าเป็นฉันใด” องค์อรินทร์น้อยได้สอบถามคราหนึ่งเมื่อท่านปู่เจ้ากำลังสอนการร่ายบทสวดศิรสังหิตา และวิธีการบำเพ็ญภาวนาควบคู่กับการบริกรรม 

 

จวบจน 20 ปีนาควรรษยามนี้องค์อรินทร์ได้ทรงเติบใหญ่เป็นนาคฉกรรจ์ พระพักตร์คมเข้มร่ำลือขจรขจายไปทั่วแดนภพภูมิ หากจำแลงกายในนาคภูมิพระองค์จะมีรัศมีกายเหลืองทองต้องแสงอาทิตย์ ณ ยามเช้า เกล็ดลำตัวของพระองค์จะทอเป็นริ้วงดงามอร่ามตายิ่งนัก เศียรทั้งเก้าของพระองค์ดั่งทองประกายแสดแผ่ออกไปทั่วทั้ง 9 ทิศในพิภพ

 

วันหนึ่ง‘เพชรสายฟ้า’ ก่อกำเนิดขึ้นจากการบริกรรมพร้อมบทสวดศิรสังหิตา อันเป็นบทสวดนาคเทพเจ้าที่สำคัญในการเรียนมฤคเวทของพระองค์ ท่านปู่เจ้าทราบจากมิติของท่านแล้วว่านี่คือ ‘มณีพชร’ ที่จะเป็นอาวุธคุ้มครององค์อรินทร์ซึ่งบัดนี้ได้เติบใหญ่แล้ว เพชรสายฟ้านี้มีแสนยานุภาพมากหากแสงเกิดต้องอสุนีไปนาคตนใดก็ตามดวงจิตจะดับสูญลงในทันที แต่แสงนี้จะเกิดไม่ได้หากไม่มีการร่ายมนตรา 6 คำ พร้อมบทสวดศิรสังหิตา 

“พระองค์ต้องระลึกไว้เสมอ ห้ามร่ายมนตรา 6 คำ พร้อมบทสวดศิรสังหิตาเด็ดขาด 

เพราะแสนยานุภาพดังฟ้าฟาดทำลายดวงจิตที่อยู่ใกล้ไปทันที จะใช้คราวขุกเข็ญจำเป็นเท่านั้น” ท่านปู่เจ้ากำชับพระองค์

“ข้าจะเก็บมนตราบทนี้ซ่อนไว้ในห้องที่สามของหัวใจ จะไม่มีวันเกิดขึ้นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นบทสวดหรือมนตราใดก็ตาม” องค์อรินทร์ให้คำมั่นสัญญากับท่านปู่เจ้า โดยพระองค์ต้องใช้เวลาในการบริกรรมเพื่อสร้างห้องที่สามในหัวใจของท่านถึง 3 ปีจึงสำเร็จ 

“ข้ายังอยากรู้ว่าความรักความใคร่เป็นฉันใด...ท่านปู่เจ้า” องค์อรินทร์ในวัยฉกรรจ์ยังมีคำถามเดิมๆ สร้างความสงสัยให้กับท่านปู่เจ้าทุกคราไป แต่ท่านไม่ตอบและเพลาต่อไปจะสอนการบำเพ็ญภาวนาอันมีบทนาคาสังวาส ถึงยามที่องค์อรินทร์ต้องขึ้นสู่นาคบัลลังก์แทนท่านปู่เจ้า ซึ่งท่านได้ทำหน้าที่ดูแลมาจวบคำรบ 20 ปีนี้แล้ว 

บทสวดนาคาสังวาสที่ท่านปู่เจ้าได้มอบให้กับองค์อรินทร์ทรงจดจำ

 

เมื่อเห็นพักตร์ต้องหทัยใจสั่นไหว          นางนั้นไซร้ต้องตาพาสุขสม

ครั้นภิรมย์ด้วยใจถวิลให้ถาถม              คลึงเคล้าชมพาคู่สู่วิมาน

อย่ารีรอต้องกระวัดรัดให้แน่น               คลื่นหมื่นแสนเร้ารึงตรึงซาบซ่าน

สองจิตประดิพัทธ์ให้เบิกบาน                แสนสราญหลังสมสู่เริงระบำ

เมื่อองค์กำหนัดถอยซัดส่าย                 ใจอย่าหมายต่อเติมจะบ่มช้ำ

ให้หยุดพักเสริมพละเพิ่มกำยำ              จงจดจำคำปู่ไว้นะหลานเอย

 

องค์อรินทร์ด้วยจดจำคำสอนของท่านปู่เจ้าอย่างแม่นมั่น และพระองค์ยังมิได้หมายนาคินีตนใดเป็นแน่แท้ ทำให้ท่านปู่เจ้าเป็นกังวลกับการขึ้นครองบัลลังก์ของพระองค์ซึ่งจะไร้ชายานาคินี

 

แล้วยามนั้นได้มาถึงองค์อรินทร์ต้องเข้าพิธีเลือกนางนาคินีเข้าสู่วังของพระองค์ ก่อนสถาปนาขึ้นครองบัลลังก์รัตนนาคาบุรี

 

พระนางมัลลิกาศรีศิลป์ปิ่นอนงค์           คิ้วขนงงดงามดั่งปานวาด

ทรวดทรงองค์เอวดูผุดผาด                 สวยสะอาดบาดตาทุกนาที

พระนางวิมาดาขนิษฐาน้อย                  แสนอ่อนช้อยร้อยคำทวีศรี     

ด้วยนางเธอท่วงท่าช่างพาที                 แต่งแต้มวจีแสนรักสุดคะนึง   

 

พระนางสุทิสาที่สุดผุดผ่องใส               อกเนินไสวยั่วให้แสนคิดถึง

หนุ่มใดได้เห็นอยากเคล้าคลึง                ใจรำพึงครวญครางถึงนางเธอ

 

พระองค์แม้นจะต้องพระทัยรูปโฉมนางทั้งสาม แต่กระนั้นด้วยการบำเพ็ญตบะบารมีแก่กล้ามหาศาลจึงทำให้องค์อรินทร์มิปรารถนานาคินีตนใดมาเคียงข้างในพระราชพิธีนี้เลย พระเจ้าน้าของพระองค์กึ่งบังคับว่าพระองค์ต้องมีคู่เพื่อสืบสายนาควงศ์ต่อไปในเบื้องหน้า อย่าได้ละเลยในการนี้เพราะการสืบเผ่าพันธุ์เป็นเรื่องธรรมดาของทุกภพภูมิ

 

พระราชพิธีหลังขึ้นครองบัลลังก์ คือ พิธีนาคาสังวาส ซึ่งพระองค์ต้องเข้าประกอบพิธีในคืนแรม 11 ค่ำ คืนที่เดือนยังมิได้มืดสนิท ในพิธีสังวาสกับนางทั้งสามจะมีท่านปู่เจ้าถือเทียนทองและพระเจ้าน้าถือใบโพธิ์ทองคู่ ซึ่งถือเป็นพิธีโบราณของรัตนนาคาบุรี เทียนทองคือ ศิวะลึงค์ และใบโพธิ์ทองคือ โยนีของพระอุมา เหล่านาคเทพทั้งหลายต้องบูชาสองพระผู้เป็นใหญ่ในสามภพ ด้วยพระองค์เป็นผู้ปกปักรักษาเหล่านาคาจากเหล่าอสุราทั้งหลาย 

ครั้นฤกษ์วันแรม 11 ค่ำเดือน 12 พญาภัทรสุทธินาคินได้ทรงประกอบพิธีขึ้นทรงบัลลังก์แห่งรัตนนาคาบุรี และทรงวาง ‘มณีพชร’ บนยอดปราสาทพระราชมณเฑียรที่พระองค์ทรงบัลลังก์ด้วยอำนาจแห่งฤทธาบารมีจากญาณอสงไขยหลายนาคกัปของพระองค์ ทรงประกาศศักดานุภาพแห่งนาคาธิบดีสืบราชบัลลังก์ต่อจากพระชนกนาคเจ้าเป็นลำดับที่ 5 แห่งองค์อรินทร์นาควงศ์ 

 

ตกค่ำท้องพระโรงของตำหนักบรมพิมานสังวาส มีกำหนดพิธีนาคาสังวาสโดยองค์อรินทร์นาคเจ้า ‘พญาภัทรสุทธินาคิน’ กับนางนาคินีทั้งสาม ซึ่งพระองค์ยังมิได้ตัดสินพระทัยที่จะเลือกนางใดขึ้นเป็นชายา ‘พญาปู่เจ้าเวทจิตรา’ ท่านลุงของพระองค์กับพระเจ้าน้าพระนางวิสุทธิศรีปิ่นนาคินี จึงบังคับให้พระองค์ต้องเข้าพิธีสังวาสกับนางทั้งสาม 

 

ท้องพระโรงแก้วของพระตำหนักสว่างไสวด้วยคบไฟหลายร้อยดวง ที่เกิดจากการเนรมิตของเหล่านาคเทพที่มาร่วมสดุดีการเข้าพิธีของพระองค์ พระตำหนักสีทองต้องแสงจากไฟระยิบระยับกลางเวหาอันมืดมิด มีพระจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่กลางท้องฟ้าใกล้ยามสอง องค์อรินทร์นาคเจ้าเดินเข้าสู่พระตำหนักบรมพิมานสังวาส พร้อมเหล่านาคะที่ถือเครื่องสักการะขึ้นถวายแด่องค์ศิวะมหาเทพ และเหล่านาคีที่ถือเครื่องสักการะขึ้นถวายแด่องค์อุมามหาเทวี ริ้วขบวนจากด้านในนำสู่ลานพิธีด้านหน้าพระตำหนักที่ตกแต่งอย่างวิจิตรประณีต ซึ่งท่านปู่เจ้าทรงเนรมิตให้ประดุจดั่งแดนสรวง องค์อรินทร์ทรงยืนอยู่ตรงกลางพิธีและนางทั้งสามยืนอยู่เบื้องหน้าของพระองค์ พระองค์ทรงกระทำพิธีจุมพิตหน้าผากของนางทั้งสามก่อนเดินนำเข้าสู่พระตำหนักและลอยขึ้นสู่ยอดพระตำหนัก โดยนางทั้งสามรออยู่เบื้องล่างเพื่อรอนิมิตสัญญาณจากพระองค์เพื่อเข้าสู่พิธีสังวาสทีละนางต่อไป

“ข้าจะบำเพ็ญบารมีเพื่อพิธีกรรมนี้ให้แล้ว จึงจะเรียกพวกเจ้าทีละนางด้วยดวงจิตอันเป็นศุภนิมิตเท่านั้น พวกเจ้าจะรู้เองว่านางใดจะเข้ามาก่อน จงจำไว้ถ้ามิได้เกิดศุภนิมิตแก่เจ้า นางใดจะเข้ามาหาข้า...มิได้!!!” องค์อรินทร์ทรงตรัสแก่นางนาคินีทั้งสามด้วยพระสุรเสียงอันดังกึกก้องไปทั่วพระตำหนัก

 

-----------------

รีดเดอร์สามารถอ่านได้ทั้งเรื่องอย่างจุใจ ที่อีบุ๊กเรื่องนี้ได้ค่ะ

 


View : 0

Share :


Write comment