ราคารวม : ฿ 0.00
“โอมเอ๊ย หาการหางานทำเป็นหลักเป็นแหล่งได้แล้วลูก” แม่ผมพูดขณะกำลังปักผ้าบาติกอยู่
“โถ่แม่ นอกจากงานจะหายากแล้ว คนตกงานก็มีอีกเยอะ” ผมพูดพร้อมถอนหายใจ
“แล้วไอ้งานที่แกทำอยู่มันคืองานอะไรนะ”
“งานบริการเช่าตัวเอง ใครจะว่าจ้างผมไปทำอะไรก็ได้ ผมรับหมดถ้าเป็นงานที่ผมจะสามารถทำได้”
“มันไม่ใช่งานขายตัวใช่มั้ย ถึงเอ็งจะเป็นผู้ชาย แต่ข้าก็หวงของข้านะว้อย”
“ไม่ใช่แน่นอนจ้ะ แม่ซ่ำบายใจได้เลย”
“เออ ถ้างั้นก็แล้วไป” จบประโยคสนทนาปุ๊บ ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังเข้ามา
“สวัสดีครับ ผมโอมเพี้ยงรับสายครับ… ได้ครับ… สบายมากครับ… โอเคครับ… ตกลงเลยครับ… สวัสดีครับ”
“ใครว่าจ้างมาอีกล่ะ” ยังไม่ทันวางสายดี แม่ก็ร้องทักขึ้นก่อนเลย
“ลูกค้าน่ะ จ้างให้ไปเลี้ยงลูกเค้า เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ”
“สามขวบนี่ก็โตเข้าโรงเรียนแล้วนะ ยังต้องจ้างเลี้ยงอยู่อีกเหรอ”
“เอ่อ... คือ...”
“เอ็งอ้ำอึ้งแบบนี้ต้องมีอะไรปิดบังแน่ๆ” แม่ใช้เข็มปักผ้าชี้มาทางผม
“มันก็ไม่ได้อะไรมากหรอก ก็แค่...”
“แค่อะไร... เอ็งว่ามา” ดุยิ่งกว่าเมีย (ที่ตอนนี้ยังไม่มีและหาไม่ได้)
“ก็แค่พ่อแม่เค้าป่วย แล้วต้องเข้าโรงพยาบาลทั้งคู่ เลยไม่มีใครดูแลลูกเค้าเท่านั้นเอง”
“โถ สงสารเด็ก ใครจะไปรักเท่าพ่อแม่มัน”
“ผมนี่ไง ผมรักเด็ก ชอบเด็ก งั้นผมขอตัวไปทำงานก่อนนะแม่”
“ไปดีมาดี เอ้อ แล้วไปกี่วันล่ะ”
“ห้าวันครับ” แล้วผมก็ยกมือไหว้รีบเผ่นออกมา ก่อนที่แม่จะถามนู่นนี่นั่นโน่นอีก
ณ คอนโดสุดหรูย่านใจกลางกรุง
ผมมาที่ห้องของลูกค้าทัน ก่อนที่แม่ของน้องที่ผมจะต้องมาดูแลนั้นต้องไปกับรถพยาบาลที่มารอรับแล้ว
“ฝากดูแลลูกชายด้วยนะคะ”
“ยินดีครับ”
“แกอาจจะมีดื้อตามประสาเด็กบ้าง ยังไงก็พยายามใจดีกับแกด้วยนะคะ” เธอก้มศีรษะด้วยความนอบน้อม
“ไม่ต้องห่วงเลยครับ สบายใจได้ ผมเป็นนายหล่อรักเด็กครับ” แม่ลูกค้ายิ้มเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้นฉันก็สบายใจค่ะ เพราะเดี๋ยวอีกห้าวันพ่อแกก็จะออกจากโรงพยาบาลมาอยู่กับแกแล้ว”
“ครับ”
“แม่ไปก่อนนะครับ เป็นเด็กดีของพี่เค้านะลูก” แล้วเธอก็ปาดน้ำตาออกจากห้องไป
“หวัดดีครับ พี่ชื่อพี่โอมเพี้ยงนะ เรียกพี่โอมก็ได้ แล้วเราชื่ออะไรล่ะ” น้องเงยหน้ามองแวบหนึ่ง
“ชื่อทิกเกอร์ครับ”
“ชื่อเท่จังเลย แล้วตุ๊กตาตัวนี้ชื่ออะไรครับ” ผมชี้ตุ๊กตาที่น้องกำลังเล่น
“ชื่อร็อกเกตครับ”
“ว้าว~ ชื่อเท่เหมือนทิกเกอร์เลยครับ แล้วตัวนี้ล่ะครับชื่ออะไร”
จากนั้นน้องก็ไล่เรียงชื่อตุ๊กตาที่น้องเล่น จนผมมีชื่อใหม่ที่น้องตั้งให้ด้วย ชื่อว่า...
“พี่อำพลครับ ผมหิวน้ำครับ” ใช่ครับ จาก ‘โอมเพี้ยง’ เป็น ‘อำพล’ น้องก็ช่างสรรหาชื่อมาตั้งให้
“ได้ครับ รอพี่อยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ผมเข้าไปในครัวแปบเดียว ออกมาอีกทีแทบร้อง น้องหายไปไหน!!
“ทิกเกอร์ครับ พี่เอาน้ำมาให้แล้วครับ” ไม่มีสัญญาณตอบรับ
“ทิกเกอร์ ทิกเกอร์อยู่ไหนครับ” ซวยกูแล้ว~ บักอำพลเอ๊ย!
“ทิกเกอร์หิวน้ำไม่ใช่เหรอครับ ออกมาดื่มน้ำเร็ว ออกมาป้อนให้น้องๆด้วย” ผมพยายามใช้วิธีหลอกล่อ แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของน้อง หรือว่า... ผีบังตา!
“ทิกเกอร์ ทิกเกอร์ ทิกเกอร์ได้ยินเสียงพี่มั้ย ตอบพี่กลับหน่อยครับ” ผมวิ่งหาทุกซอกทุกมุมของบ้านจนถอดใจทรุดนั่งลงกับพื้น
“ยังไม่ทันข้ามวันก็ทำลูกเค้าหายซะแล้ว ทำไมกูเป็นคนอย่างนี้” แล้วจู่ๆ ผมก็ร้องไห้ออกมา แต่ร้องได้ไม่นานก็รู้สึกเหมือนมีอะไรนิ่มๆ กลมๆ เล็กๆ จิ้มอยู่ที่หลัง
“ทิกเกอร์!” ผมรวบกอดทิกเกอร์ที่ยืนโป้งอยู่ด้านหลังผมแทบจะในทันที
“พี่นึกว่าเราหายไปไหน”
“ผมไม่ได้หายไปไหนครับ ผมกำลังเล่นซ่อนแอบกับพี่อำพลไง”
“พี่ใจหายใจคว่ำหมด ทีหลังถ้าจะเล่นบอกพี่ก่อนนะ”
“ถ้าบอกก็ไม่ใช่การเล่นซ่อนแอบสิครับ มันต้องแอบเลย” แอบซะมิดชิดจนกูร้องไห้
“แต่คราวหลังถ้าอยากเล่นต้องบอกพี่นะ สัญญา” ผมชูนิ้วก้อย
“ตาพี่หาผมอีกรอบแล้วครับ” น้องชูนิ้วโป้งชนกับนิ้วก้อยของผม บ่งบอกว่าน้องคือผู้ชนะ
...ตลอดทั้งวันมีกิจกรรมอยู่เพียงสามอย่างคือ ตื่นมากิน กินเสร็จก็เล่นซ่อนแอบต่อ เล่นจนเหนื่อยก็นอน วนไปเวียนมาอย่างนี้จนเข้าสู่วันที่ห้า ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการว่าจ้างแล้ว
เช้าวันสุดท้ายมีอยู่สองเรื่อง คือ เรื่องไม่ดีและเรื่องซวย
เริ่มที่เรื่องไม่ดีก่อนเลยละกัน
พ่อของน้องทิกเกอร์ออกจากโรงพยาบาล เหมือนจะได้กลับมาอยู่กับทิกเกอร์
แต่เปล่า... ได้กลับมาอยู่แต่บ้าน เพราะผลตรวจโรคโควิด-19ของทิกเกอร์เป็นบวก
และแน่นอนเรื่องซวยคือผมที่คลุกคลีอยู่กับน้องต้องไปกักตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 14 วัน
ใช่ครับ รถพยาบาลที่มาส่งคุณพ่อของน้องคือคนเดียวกับที่นำผมและน้องไปรักษาและกักตัวที่โรงพยาบาล
“ค่าใช้จ่ายในการกักตัว และถ้าต้องรักษาด้วยพี่จะจ่ายให้เองนะ” พ่อทิกเกอร์หน้าใหญ่มาก
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรๆ ถือว่าเป็นค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ ที่ดูแลลูกให้พี่”
“ยินดีครับ ขอแค่...” กูอย่าตาย ถ้ากูตายตอบแทนกูด้วยการเลี้ยงแม่และน้องกูด้วย เพราะไม่ได้ทำประกันชีวิตไว้ให้
“ขอแค่เรียกใช้บริการในโอกาสหน้าด้วยจะยินดีมากครับ”
“เรื่องเล็กน้อยน่า” แล้วก็ตบไหล่ผมหนักๆ สองที
ณ โรงพยาบาล
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ ‘แม่’
“ฮัลโหล ว่าไงครับคุณนาย”
“ไหนออกไปห้าวัน นี่มันวันที่หกแล้ว เถลไถลไปที่ไหนอีก”
“ก็เพราะรักแม่ไง เลยยังกลับไม่ได้”
“รักข้าก็กลับบ้าน ให้ข้าทำกับข้าวที่แกบ่นอยากกินนักอยากกินหนาให้รอเก้อ แล้วก็ไม่มา” คุณนายบ่นยาวเป็นชุด
“ผมขออยู่อีก 14 วันนะแม่เดี๋ยว... ”
“มึงจะอยู่ที่นั่นทำไมตั้งนาน ไปเป็นลูกของลูกค้าเหรอ ทำไม... กับข้าวที่บ้านเค้ามันศิวิไลซ์กว่าอาหารบ้านๆ ที่ข้าทำรึไง” แล้วก็บ่นยาวอีกเป็นเดรส เบลาส์ สูท และทักซิโด้ แล้วก็ตัดสายไปเฉย
ผมเลยโทรกลับ
“โทรมาทำไมอีก”
“รักแม่นะครับ”
“เออ ข้าให้อีกแค่ 14 วันเท่านั้นนะ”
“ครับ”
“ข้าก็รักเอ็ง” มีเสียงสะอื้นเล็กน้อยลอดออกมา
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น