ราคารวม : ฿ 0.00
เวลา 9.00 นาฬิกา ผมยืนอยู่หน้าห้องๆ หนึ่งของบ้านพักย่านใจกลางเมืองร้อยเอ็ด
เจ้าของห้องเปิดประตูออกมา เธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ผิวขาว ดัดฟัน อายุยังน้อยแถมยังน่ารักอีก
เธอเปิดประตูให้กว้างขึ้น แล้วผายมือเชื้อเชิญผมเข้าไปในห้อง
“เชิญนั่งที่โซฟาก่อนเลยนะคะ เดี๋ยวเอาน้ำมาให้”
“ขอบคุณครับ”
สักพักเธอก็เดินออกมาจากครัว พร้อมกับแก้วน้ำสองใบและเหยือกน้ำหนึ่งเหยือก
ดูจากทรงผมแล้วผมว่าเธอต้องอกหักจากแฟนเก่า และเช่าผมมารับบทเป็นแฟนคล้ายๆ เคสแรกแน่ๆ
“หนูชื่ออายนี่นะคะ ส่วนพี่คือ…”
“พี่ชื่อโอมเพี้ยงครับ เรียกสั้นๆ ว่า ‘โอม’ ก็ได้” หว่ออ้ายหนี่ก็ได้ครับ พี่ไม่ติด
“ค่ะ คือที่หนูจ้างพี่มาวันนี้ก็เพราะว่าให้มาเฝ้าบ้านค่ะ” ภาพน้องหมาผุดขึ้นมาในหัวผมเลย
“ค…ครับ จ้างพี่มาเฝ้าบ้าน!”
“ใช่ค่ะ” อายนี่พยักหน้าอย่างจริงจัง
“แต่ที่นี่ก็ดูมีความปลอดภัยสูง แถมมีรปภ.คอยดูแลตลอดนี่ครับ”
“คือหนู… อายุสิบห้า ได้มาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรง…”
“อยากร้องเพลงใช่มั้ยครับ นี่ครับ ไมค์”
“ไม่ใช่ค่ะ นี่หนูกำลังจริงจังนะคะ” อายนี่ทำหน้าขึงขังขึ้นมาทันที
“ครับๆ” คนน่ารักเวลาโมโหก็ดูน่ากลัวนะเนี่ย
“คือหนูอายุสิบห้า ได้มาเป็นสาวรำวง มาใส่กระโปรงนักเรียนไปเต้นไม่ได้ มันผิดระเบียบ”
“ฮ้ะ ยังไงนะครับ ขออีกที”
“ไม่ค่ะ สั้นๆ ง่ายๆ ได้ใจความนะคะ คือหนูเป็นคนขี้ลืม”
“แล้วยังไงต่อ”
“ก็เวลาหนูออกไปเรียน หนูต้องใส่ชุดนักเรียนไปโรงเรียน แล้วพอเลิกเรียนหนูก็รับงานเป็นสาวรำวงต่อ”
“ครับ แล้วมัน เอ่อ… เกี่ยวกับขี้ลืมและน้องทำงานเป็นสาวรำวงยังไงครับ”
“หนูชอบลืมเอาลูกกุญแจออกจากห้องตอนล็อกประตูแล้ว…” ขี้ลืมจริงๆ
“เป็นทุกครั้งด้วย”
“ก็ตั้งนาฬิกาแจ้งเตือนให้หยิบกุญแจก่อนออกจากห้องก็ได้นี่ครับ”
“มันดังตอนออกจากห้องแล้ว”
“เขียนโพสต์อิทติดตรงประตูก่อนออกจากห้องก็ได้ครับ”
“รีบมากลืมอ่าน”
“ปั๊มลูกกุญแจไว้อีกสักดอกพกไว้ในกระเป๋า”
“ชอบทำหาย”
“ถ้าอย่างนั้นก็ซื้อที่ห้อยอันใหญ่ๆ ห้อยลูกกุญแจก็ได้ครับจะได้ไม่หาย”
“หนูไม่ชอบ”
“พี่เชื่อแล้วครับว่าน้อง (แกล้ง) ขี้ลืม” น้องส่งยิ้มหวานมาให้พร้อมกระโดดกอดผม จนผมตกใจตัวแข็งทื่อลูกเดียว
10.00 นาฬิกา
อายนี่ไลน์มาบอกว่าช่วยเอาลิปสติกสีพีชมาให้เธอที่หน้าห้องหน่อย ซึ่งลิปที่โต๊ะเครื่องแป้งน้องก็เยอะมาก ผมซึ่งเป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าแท่งไหนคือสีพีช ก็เลยรวบกองลิปสติกทั้งหมดไปให้น้องเลือกที่หน้าประตู
“ทาเสร็จแล้ว สวยมั้ยคะ” ผมยิ้มและพยักหน้าให้ แล้วน้องก็จากไป
11.00 นาฬิกา
อายนี่ไลน์มาบอกว่าช่วยเอาเสื้อยืดสีขาวมาให้เธอที่หน้าห้องหน่อย ซึ่งเสื้อยืดที่ตู้เสื้อผ้าของน้องก็เป็นเสื้อยืดสีขาวแบบเดียวกันทั้งหมด ต่างกันแค่ยี่ห้อ ผมซึ่งเป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าน้องจะใส่เสื้อยืดสีขาวยี่ห้อไหน ก็เลยรวบไม้แขวนเสื้อยืดสีขาวทั้งราวไปให้น้องเลือกที่หน้าประตู
“วันนี้ใส่ยี่ห้อนี้ละกัน ดีมั้ยครับ” ผมยิ้มและพยักหน้าให้ แล้วน้องก็จากไป
12.00 นาฬิกา
อายนี่ไลน์มาบอกว่าช่วยเอากระเป๋าสีดำมาให้เธอที่หน้าห้องหน่อย ซึ่งกระเป๋าที่ตู้เก็บของน้องก็เยอะมาก มีทั้งกระเป๋าผ้า กระเป๋าหนัง กระเป๋าสะพายหลัง ฯลฯ ผมซึ่งเป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าน้องจะสะพายกระเป๋าแบบไหน ก็เลยสะพายกระเป๋าสีดำทั้งหมดไว้ที่ตัวผมไปให้น้องเลือกที่หน้าประตู
“กระเป๋าคลัทช์ใบนี้ละกัน เท่มั้ยคะ” ผมยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้ แล้วน้องก็จากไป
13.00 นาฬิกา
อายนี่ไลน์มาบอกว่าช่วยเอารองเท้ามาให้เธอที่หน้าห้องหน่อย ซึ่งรองเท้าที่ชั้นวางของน้องก็เยอะมาก มีทั้งรองเท้าส้นสูง ส้นตึก ไม่มีส้น ผ้าใบ หูหนีบ ฯลฯ ผมซึ่งเป็นผู้ชายก็ไม่รู้ว่าน้องจะเลือกใส่คู่ไหน ก็เลยยกทั้งชั้นวางรองเท้าไปให้น้องเลือกที่หน้าประตู
“คู่นี้ละกัน ดูสูง 180 มั้ยคะ” ผมยิ้มแล้วชูนิ้วโป้งให้ แล้วน้องก็จากไป
ทุกๆ หนึ่งชั่วโมงน้องจะไลน์มาบอกให้ผมเอานั่นเอานี่ไปให้เลือกที่หน้าประตูตลอด
ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจว่าจะกลับมาห้องทุกๆ ชั่วโมงทำไม
จนกระทั่งเห็นรูปๆ หนึ่งของน้องที่ตั้งไว้ใต้ชั้นวางโทรทัศน์
18.00 นาฬิกา ถึงเวลาปิดจ๊อบ
“ขอบคุณมากๆ นะคะที่มาอยู่เฝ้าห้องให้ทั้งวันเลย”
“ยินดีครับ” ผมตอบรับให้จากใจจริง
“พี่คงคิดว่าหนูแปลกใช่มั้ยคะที่ทำไมก็เอาแต่กลับมาที่ห้องทุกๆ หนึ่งชั่วโมงเลย”
“ไม่นะพี่ว่าพี่เข้าใจ” ผมยิ้มให้น้องเค้าอีกครั้ง
“จริงๆ เหรอคะ” แล้วน้องก็กระโดดกอดผมเป็นครั้งที่สองของวัน แล้วร้องไห้ออกมา
“หนูเสียใจจริงๆ ที่ทำให้แมวตัวเดียวของหนูต้องตาย” น้องร้องไห้หนักกว่าเดิม
“หนูไม่คิดว่าคำว่า ‘ไม่เป็นไร แปบเดียวเอง’ มันจะทำให้แมวหนูตาย” ผมลูบหัวน้องเบาๆ
“ฮันนี่ต้องตายเพราะความประมาทของหนูแท้ๆ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่เป็นไร ฮันนี่ไม่โทษหนูหรอก” น้องผละออกจากผม ผมจึงถือโอกาสยื่นกุญแจให้น้อง
“ให้หนูเหรอคะ” ผมพยักหน้า
“กุญแจลูกนี้ไม่ต้องตั้งนาฬิกาเตือน ไม่ต้องเขียนโพสต์อิท ไม่ต้องปั๊มลูกกุญแจ และไม่จำเป็นต้องใส่ที่ห้อยกุญแจให้เทอะทะด้วย แค่น้อง…” ผมถือวิสาสะจับมือน้องขึ้นมา ถือว่าเจ๊ากันกับที่น้องกอดผมสองครั้งละกันนะ
“สแกนนิ้วมือน้อง มันก็จะจำลายนิ้วมือน้องแค่คนเดียว นี่ไงเห็นมั้ย” ผมสาธิตวิธีใช้ให้น้องดู
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ยินดีครับ”
ปิดจ๊อบ! กลับไปซักเสื้อที่เปื้อนน้ำมูกน้องที่บ้านต่อ หักลบค่าจ้างกับค่ากุญแจก็ยังพอได้กำไรอยู่ เฮ้อ… เป็นเด็กเป็นเล็กขี้ลืมจริงจริ๊ง
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น