ตอนที่ 1 : การบริหารเวลาด้วย Pomodoro Technique

Pomodoro เป็นเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งที่จะช่วยให้เราสามารถมีสมาธิ (Focus) กับงานที่ทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ผลกับคนมากมายทั่วโลก (รวมถึงตัวผมเอง)
Pomodoro คืออะไร?
Pomodoro เป็นเทคนิคการบริหารเวลาแบบหนึ่งที่คิดค้นโดย Francesco Cirillo ตั้งแต่ปีค.ศ. 1980 ซึ่งเทคนิคนี้คือการแบ่งเวลาการทำงานออกเป็นช่วงๆ และมีการพักเป็นช่วงสั้นๆเป็นช่วงๆเช่นกัน ซึ่งคำว่า Pomodoro นี้เป็นภาษาอิตาลี มาจากคำว่า Tomato หรือ มะเขือเทศ โดยชื่อนี้นำมาจากเครื่องตั้งเวลาในครัว (Timer) ที่เป็นรูปทรงมะเขือเทศที่ Cirillo ใช้เมื่อตอนเรียนในมหาวิทยาลัยนั่นเอง
หลักการของ Pomodoro
- กำหนดสิ่งที่จะทำ
- จับเวลาด้วยนาฬิกาจับเวลา ซึ่งปกติจะกำหนดช่วงเวลาประมาณ 25 นาที
- ครบเวลาที่กำหนดในข้อ 2 ให้จับเวลาช่วงหยุดพักประมาณ 3-5 นาที
- ทำซ้ำด้านบน 4 รอบ แล้วจับเวลาหยุดพักใหญ่ ประมาณ 15-30 นาที
- ย้อนกลับไปทำขั้นตอนที่ 1 ใหม่
* ช่วงเวลาทำงาน (ข้อ 2) และช่วงเวลาพัก (ข้อ 3,4) สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม

เทคนิคการทำ Pomodoro ให้ได้ผล
- ช่วงเวลา Pomodoro หรือช่วงเวลาที่ต้อง Focus ต้องมีสมาธิและแน่วแน่ในการทำงานจริงๆ เราควรทำงานในช่วง Pomodoro นี้โดยตัดสิ่งเร้าหรือสิ่งรบกวนภายนอกออกให้หมด เช่น ทำงานในสถานที่ที่เงียบและมีสมาธิ หรือออกห่างจากโทรศัพท์หรืออินเทอร์เน็ต
- หากมีสิ่งเข้ามารบกวนช่วง Pomodoro เราต้องตัด หรือบันทึกสิ่งนั้นไว้ก่อนแล้วค่อยกลับมาทำภายหลัง ไม่เช่นนั้น การทำ Pomodoro สำหรับช่วงเวลานั้นจะต้องถูกยกเลิกแล้วเริ่มช่วง Pomodoro นั้นใหม่
- ช่วงพักเบรคสั้นหรือยาวต้องเป็นการพักจริงๆ โดยต้องหลีกเลี่ยงการทำอะไรที่ต้องใช้ความคิดมากๆเพื่อให้สมองปลอดโปร่ง การพักควรเป็นกิจกรรมที่เป็นการเปลี่ยนอิริยาบถ เช่น การเดินเล่น การพักสายตา หรืออื่นๆ (การใช้ Social Network ไม่ถือเป็นการพักนะครับ)
- เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เราควรวางแผนก่อนทำ Pomodoro โดยการประมาณการว่างานที่เราต้องการทำให้สำเร็จควรจะต้องใช้ Pomodoro ประมาณกี่ช่วง เราจึงจะสามารถวางแผนและกำหนดเวลาโดยรวมในการทำงานได้
ใครสนใจที่อยากจะลองการทำสมาธิอยู่กับงานด้วยวิธีนี้ดู สามารถใช้ Pomodoro แบบออนไลน์ เช่น https://tomato-timer.com/ เพื่อใช้งานได้ครับ หรือถ้าใช้ได้ผลแล้วอยากใช้แบบจริงจัง ก็จะมีโปรแกรมมากมายที่ใช้หลักการนี้ ทั้งบน Windows และ macOS ซึ่งโปรแกรมเหล่านั้นก็จะมีคุณสมบัติเพิ่มเติมขึ้่นมา เช่น กำหนดงานเป็น Project ได้ หรือสามารถทำรายงานได้ เป็นต้น
ทิ้งท้าย
อยากบอกว่าวิธีนี้ผมลองใช้งานแล้วได้ผลดีมาก ทำให้มีสมาธิกับการทำงานได้ดีขึ้น และสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพกับประสิทธิผลดีขึ้นจากเดิมมาก เป็นเรื่องดีๆที่เราสามารถพัฒนาการทำงานหรือการทำกิจกรรมใดๆได้โดยไม่ต้องเสียเงินเสียทองอะไรมากมายเลยครับ
แชร์ :
เขียนความคิดเห็น