หยกเร้นชะตา เล่ม 2 | ศูนย์หนังสือจุฬาฯ
หยกเร้นชะตา เล่ม 2
หยกเร้นชะตา เล่ม 2

หยกเร้นชะตา เล่ม 2

ผู้แต่ง : จิ่วเยวี่ยหลิวหั่ว

หนังสือปกอ่อน

฿ 386.00

429.00

ประหยัด 10 %

TAGS :

ข้อมูลหนังสือ

Barcode : 9786160633449

ISBN : 9786160633449

ปีพิมพ์ : 1 / 2568

ขนาด ( w x h ) : 145 x 210 mm.

จำนวนหน้า : 336 หน้า

หมวดหนังสือ : หนังสือแปลตะวันออก

รายละเอียดสินค้า : หยกเร้นชะตา เล่ม 2

หยกเร้นชะตา 2
ทางด้านฉินอี๋กับฉู่จิ่นเหยากำลังพูดคุยกันอยู่ การที่ฉู่จิ่นเหยาไม่ยอมรับผิดทำให้เขานึกถึงตนเองตอนที่ไม่ยอมรับผิดข้อหาสังหารนางกำนัลของเสี่ยวฉีฮองเฮา ฉินอี๋ชิงชังมารดาเลี้ยงของตนเองอย่างยิ่ง เพราะเสี่ยวฉีฮองเฮาลอบคบชู้กับฮ่องเต้บิดาของเขา ทั้งที่มารดาของเขา 'เหวินเซี่ยวฮองเฮา' กำลังล้มป่วยอยู่ สุดท้ายมารดาก็จากไปตอนที่เขาอายุห้าขวบ เสี่ยวฉีฮองเฮาก็ขึ้นมาเป็นฮองเฮาแทน จู่ๆ ฉู่จิ่นเหยาก็นึกชื่มชมนิสัยเด็ดขาดของรัชทายาทขึ้นมา เขาก็คงจะเหมือนกับนางที่ไม่ยอมคนเท่าไรนัก จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ก็เรียกบรรดาคุณหนูมารวมตัวกันที่เรือนหรงหนิงแล้วแจ้งข่าวว่าอีกสองสามวันจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องจะเชิญพวกนางไปเป็นแขก บรรดาคุณหนูต่างพากันตื่นเต้น ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่จึงอนุญาตให้พวกนางออกไปซื้อหาผ้าและเครื่องประดับนอกจวน แม้แต่ฉู่จิ่นเมี่ยวก็พ้นโทษกักบริเวณชั่วคราวเพราะเหตุนี้  หลังจากนั้นเทียบเชิญก็ถูกส่งมาที่จวนโหว ส่วนจ้าวซื่อก็นำบรรดาคุณหนูไปซื้อหาผ้าและเครื่องประดับที่ตลาด ขณะที่คนอื่นกำลังเลือกเครื่องประดับอยู่นั้น ฉู่จิ่นเหยาก็เดินไปดูผ้าที่ร้านผ้าไหมข้างๆ นางบังเอิญเห็นเด็กชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่กลางถนน เขากำลังจะถูกม้าที่ควบมาอย่างรวดเร็วเหยียบ นางจึงพุ่งเอาไปช่วยเด็กชายจนถูกโครงไม้หล่นลงมาบาดแขนเลือดไหล นางรีบจับจี้หยกพกที่ห้อยไว้ตรงคอทนทีเพราะกลัวว่าจะหลุดหายไป และเลือดของนางก็เปื้อนจี้หยกพกโดยไม่รู้ตัว
'ฉีเต๋อเซิ่ง' เถ้าแก่ร้านผ้าไหมกับฮูหยินรีบวิ่งมารับบุตรชายของตน ทั้งยังขอบคุณฉู่จิ่นเหยาที่ช่วยบุตรชายคนเดียวของพวกเขาไว้ และให้ฉู่จิ่นเหยาเข้าไปนั่งพักในร้าน จ้าวซื่อกับฉู่จิ่นเสียนตกใจอย่างยิ่งที่เกิดเรื่อง จ้าวซื่อโมโหหนัก นางจึงรีบให้ 'พ่อบ้านหลิว' พ่อบ้านของจวนโหวไปเอาเรื่องผู้ที่ทำให้ฉู่จิ่นเหยาบาดเจ็บ พอพ่อบ้านหลิวเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นทหาร ทั้งยังชักดาบออกมาข่มขู่ เขาก็ถอยหลังทันทีแล้วรีบไปบอกจ้าวซื่อ จ้าวซื่อสั่งให้คนล้อมทหารพวกนี้ไว้ แต่ฉีเต๋อเซิ่งเห็นว่าทหารพวกนี้ไม่มีท่าทีเกรงกลัวก็คิดว่าพวกเขาน่าจะมีผู้มีอำนาจคอยหนุนหลังอยู่ เขาจึงเข้าไปไกล่เกลี่ย จ้าวซื่อเองก็เห็นความไม่ชอบมาพากลเช่นกัน จึงไม่เอาเรื่องทหารพวกนี้อีก แต่ฉู่จิ่นเหยาไม่ยินยอม นางเข้าไปต่อว่า 'ทังซิ่นอี้' ที่ควบม้าอย่างรวดเร็วในที่พลุกพล่านเช่นนี้ แต่ฉู่จิ่นเสียนเข้ามากระซิบบอกนางว่าทังซิ่นอี้น่าจะเป็นขันทีในวัง ไม่ควรเข้าไปหาเรื่องด้วย ทังซิ่นอีเองก็ไม่สนใจผู้ใด เขารีบพาผู้ใต้บังคับบัญชาขี่ม้าจากไปอย่างรีบร้อน ฉีเต๋อเซิ่งให้คนมาช่วยทำแผลให้ฉู่จิ่นเหยา ทั้งยังขอบคุณนางไม่หยุดที่ช่วยชีวิตบุตรชายของเขาไว้และยกให้นางเป็นผู้มีพระคุณ จากนั้นก็มอบผ้าไหมแพรพรรณให้ฉู่จิ่นเหยามากมายแทนคำขอบคุณ ทั้งยังให้บรรดาสตรีจวนโหวเลือกผ้าในร้านไปได้ตามใจชอบ
เมื่อกลับถึงจวนโหว ฉู่จิ่นเหยาก็เรียกฉีเจ๋อด้วยความเป็นห่วง แต่เขาไม่ยอมออกมา นางจึงได้รู้ว่าวิญญาณของฉีเจ๋อออกจากจี้หยกพกไปแล้ว ฉู่จิ่นเหยาเศร้าใจอย่างยิ่ง ยามนี้นางไม่มี 'สหายรู้ใจ' อยู่ข้างกายอีกแล้ว ทางด้านฮูหยินผู้เฒ่าฉู่พอรู้เรื่องอุบัติเหตุก็ตำหนิจ้าวซื่อ ทั้งยังเตือนให้จ้าวซื่ออย่าลำเอียง เพราะตอนนี้ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่เห็นฉู่จิ่นเหยาเป็นคนสำคัญของจวนโหวแล้ว พอรู้ว่าฉู่จิ่นเหยาช่วยเหลือเด็กกลางถนน นางก็คิดจะอบรมเลี้ยงดูเด็กสาวให้มีอนาคตที่ดีต่อไปในภายภาคหน้า และถ้าหากฉู่จิ่นเหยาได้แต่งกับบุรุษสูงศักดิ์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อจวนโหวด้วย ฉางซิงโหวรู้เรื่องทังซิ่นอี้จากปากฉู่จิ่นเหยาก็ตกใจอย่างยิ่ง เพราะเขารู้ดีว่าทังซิ่นอี้ผู้นี้เป็นขันทีคนสนิทของรัชทายาท ฉางซิงโหวชื่นชมฉู่จิ่นเหยาที่จำรูปโฉมและท่าทางของทังซิ่นอี้ได้อย่างแม่นยำ เขายังสังเกตเห็นอีกว่าฉู่จิ่นเหยายามนี้มีรูปโฉมงดงามกว่าพี่น้องอย่างเห็นได้ชัด ทั้งยังเฉลียวฉลาด หากนางได้แต่งเข้าจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องก็จะช่วยเรื่องบรรดาศักดิ์ของจวนโหวได้มาก เขากับฮูหยินผู้เฒ่าฉู่จึงตั้งใจจะเลือกฉู่จิ่นเหยาไปเป็นสหายร่วมเรียนของเซี่ยนจู่ แต่ทั้งสองก็ไม่ได้แย้มพรายให้ใครรู้ ทว่าเริ่มมอบข้าวของและสาวใช้ให้ฉู่จิ่นเหยาเป็นการประกาศว่านางเป็นคนสำคัญของจวนโหว ขณะเดียวกันฉินอี๋ก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว เขารีบหาจี้หยกพกอีกอันที่มารดาของเขาเคยมอบไว้ให้ก็เห็นริ้วแดงปรากฏอยู่เช่นเดิม ทำให้เขารู้ว่าจี้หยกพกของเขากับฉู่จิ่นเหยามีความเชื่อมโยงกัน และเลือดของฉู่จิ่นเหยาทำให้วิญญาณของเขาแข็งแกร่งจนกลับคืนสู่ร่างได้ โชคดีที่ผู้บัญชาการทหารต้าถงคอยช่วยปิดข่าวให้ เรื่องที่ฉินอี๋สลบไสลไปถึงสองเดือนจึงไม่มีใครในราชสำนักล่วงรู้ ฉินอี๋รู้ดังนี้ก็ไม่สนใจอีก เขาเรียกตัวทังซิ่นอี้มาเข้าเฝ้าทันที
ทางด้านฉางซิงโหวได้พาฉู่เฉิงเยี่ยไปเข้าพบทังซิ่นอี้ ทังซิ่นอี้ชิงขออภัยฉางซิงโหวที่ทำให้ฉู่จิ่นเหยาตกใจ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้เขาได้จดหมายลับจากรัชทายาท จึงได้รู้ว่าวิญญาณรัชทายาทไม่สามารถเข้าร่างได้ รัชทายาทสั่งให้เขาหาหยกวิเศษจากนักพรตพเนจรผู้หนึ่ง เขาจึงเดินทางมาที่เมืองไท่หยวนจนเกือบทำร้ายฉู่จิ่นเหยาเข้า ในใจทังซิ่นอี้รู้ดีว่าฉางซิงโหวผู้นี้ตั้งใจจะมาประจบสอพลอเขาเพราะเรื่องการสืบทอดบรรดาศักดิ์ของตระกูลฉางซิงโหว แต่เขาก็จำใจต้องต้อนรับ เพราะรัชทายาทเจ้านายของเขายังต้องการกำลังจากขุนนางในราชสำนักอยู่ และฉางซิงโหวก็เป็นขุนนางท้องถิ่นที่มีอำนาจไม่น้อย ขณะที่พูดคุยกันอยู่ ทังซิ่นอี้ก็ได้รับจดหมายจากรัชทายาท จากนั้นเขาก็รีบเดินทางออกจากเมืองไท่หยวนทันที เมื่อเขามาพบรัชทายาท ฉินอี๋ก็สั่งลงโทษโบยเขาเพราะทังซิ่นอี้ขี่ม้าเร็วจนเกือบไปชนเด็กและฉู่จิ่นเหยา ทั้งยังสั่งให้ทังซิ่นอี้ไปพบฉีเต๋อเซิ่ง พอวันต่อมาฉีเต๋อเซิ่งก็ไปพบฉู่จิ่นเหยาที่จวนโหว เขาเอาข้าวของเงินทองมาให้ฉู่จิ่นเหยาเพิ่มอีก ทั้งยังเชิญให้นางมาร่วมหุ้นร้านใหม่ของเขา ฉู่จิ่นเหยาตกตะลึงระคนสงสัยว่าเหตุใดฉีเต๋อเซิ่งถึงดีกับนางเพียงนี้ ฉีเต๋อเซิ่งอ้างว่าเขาอยากตอบแทนบุญคุณของนางเท่านั้น แต่ความจริงแล้วเมื่อคืนฉินอี๋ให้ทังซิ่นอี้มาเจรจากับฉีเต๋อเซิ่งเรื่องที่ให้ฉู่จิ่นเหยามาร่วมหุ้นร้านใหม่อย่างลับๆ เพราะฉินอี๋จำได้ว่าฉู่จิ่นเหยาอยากมีร้านผ้าไหมเป็นของตนเอง ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ก็ไม่ได้ห้ามปราม นางให้ฉู่จิ่นเหยารับไว้ ทำให้ยามนี้ฉู่จิ่นเหยากลายเป็นคุณหนูที่มั่งคั่งที่สุดในจวน
ซุนหมัวมัวเห็นฉู่จิ่นเหยามีทรัพย์สินมากมายก็อยากรู้อยากเห็น ฉู่จิ่นเหยาเองก็รู้ทัน นางจึงไปขอคนของฮูหยินผู้เฒ่าฉู่มาช่วยดูแลทรัพย์สินให้ ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่จึงส่ง ‘กงหมัวมัว’ บ่าวหญิงสูงวัยคนสนิทมาให้ฉู่จิ่นเหยา ยามนี้ก็นับได้ว่าฉู่จิ่นเหยามีฮูหยินผู้เฒ่าฉู่เป็นพวกแล้ว อีกทั้งฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ก็มีผลประโยชน์แอบแฝงอยู่เช่นกัน นั่นคือการส่งกงหมัวมัวไปช่วยชี้แนะฉู่จิ่นเหยาเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นชายาซื่อจื่อแห่งจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง ฉู่จิ่นเหยารู้ดังนี้ก็คิดถึงฉีเจ๋อขึ้นมาทันที นางไม่ได้อยากแต่งงานเท่าไรนัก กงหมัวมัวช่วยจัดการเรื่องสาวใช้ที่คิดไม่ซื่อออกไปจากเรือนของฉู่จิ่นเหยาและซื้อตัวสาวใช้ใหม่ ทำให้ข้างกายฉู่จิ่นเหยามีแต่สาวใช้ที่ไว้ใจได้ ทางด้านซุนหมัวมัวก็ไปแจ้งเรื่องนี้ต่อฉู่จิ่นเมี่ยว ฉู่จิ่นเหยาเห็นว่าซุนหมัวมัวไม่อยู่ก็พากงหมัวมัวและสาวใช้ไปตรวจสอบข้าวของที่ฉีเต๋อเซิ่งให้มา ปรากฏว่าของเหล่านี้เป็นของล้ำค่าที่สามัญชนไม่อาจมีไว้ในครอบครอง ฉู่จิ่นเหยาจึงเรียกฉีเต๋อเซิ่งมาสอบถาม ฉีเต๋อเซิ่งบอกว่าเป็นของที่ทังซิ่นอี้ให้มา อีกทั้งการร่วมหุ้นร้านใหม่ก็เป็นทังซิ่นอี้เสนอ ฉู่จิ่นเหยาสงสัยไม่น้อยว่าเหตุใดทังซิ่นอี้ถึงมาทำดีกับตน ฉางซิงโหวกับฮูหยินผู้เฒ่าฉู่คิดว่าทังซิ่นอี้เป็นคนของรัชทายาท การที่เขามอบข้าวของให้ฉู่จิ่นเหยามากมายเช่นนี้ รัชทายาทคงคิดจะดึงจวนโหวไปเป็นพวกด้วยแน่นอน ฉู่จิ่นเหยาจึงต้องรับไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ไม่นานนักก็ถึงวันแต่งงานของฉู่จิ่นเสียน ก่อนหน้านี้ฉางซิงโหวส่งเทียบเชิญไปให้รัชทายาท แม้ฉินอี๋จะปฏิเสธไม่ไปร่วมงาน แต่ก็ส่งของขวัญมาให้ ทำให้จวนฉางซิงโหวมีหน้ามีตาอย่างยิ่ง จากนั้นฉินอี๋ก็ส่ง ‘เว่ยเหลียง’ เจ้าของ ‘ร้านผ้าอวิ๋นจือ’ ร้านใหม่ของฉู่จิ่นเหยาไปส่งสมุดบัญชีและมอบเงินปันผลของร้านให้นางทุกเดือนพร้อมดูว่าอาการบาดเจ็บของนางหายดีหรือยัง เว่ยเหลียงเป็นบุตรชายบุตรธรรมของ ‘เว่ยอู่’ วาณิชหลวงและขันทีคนสนิทของฉินอี๋ เมื่อเขามอบสมุดบัญชีและเงินปันผลให้นาง ฉู่จิ่นเหยาก็ตกตะลึงกับจำนวนเงินที่มากมายเช่นนี้ พอพูดถึงร้านผ้ากันอยู่ จู่ๆ นางก็นึกถึง ‘ซูฮุ่ย’ พี่สาวที่เคยอยู่ด้วยกันกับนางที่สกุลซู ซูฮุ่ยเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางเสมอมา แตกต่างจาก ‘ท่านพ่อซู’ ‘ท่านแม่ซู’ และ ‘ซูเซิ่ง’ น้องชายสกุลซู เพราะทั้งสามชอบด่าทอทุบตีและใช้งานนางอย่างหนัก ฉู่จิ่นเหยาจึงขอให้เว่ยเหลียงรับซูฮุ่ยไปเป็นคนงานในร้านผ้า เพราะซูฮุ่ยเป็นคนขยันขันแข็งและมีฝีมือในการตัดเย็บ เว่ยเหลียงเองก็รับปาก เมื่อถึงช่วงฤดูใบไม้ผลิ ‘ชายาจวิ้นอ๋อง’ ก็ส่งเทียบเชิญมายังจวนโหว เชิญฮูหยินและคุณหนูทุกคนในสกุลฉู่ไปชมดอกเบญจมาศที่จวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง ระหว่างที่กำลังเดินทางอยู่นั้น ฉู่จิ่นหวั่นก็โน้มน้าวให้ฉู่จิ่นเหยามาร่วมมือกับนางเพื่อจัดการกับฉู่จิ่นเมี่ยวอีกครั้ง แต่ฉู่จิ่นเหยาพยายามบ่ายเบี่ยง
เมื่อมาถึงจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง ชายาจวิ้นอ๋องกับ ‘ชายาเฒ่า’ เห็นรูปโฉมและกิริยาท่าทางที่เรียบร้อยสง่างามของฉู่จิ่นเหยาแล้วก็รู้สึกแปลกใจยิ่ง เพราะพวกนางได้ยินมาว่าฉู่จิ่นเหยาไม่ได้เติบโตมาในจวนโหว แต่ก็อดชมชอบเด็กสาวไม่ได้ ทำให้บรรดาคุณหนูต่างพากันอิจฉาริษยาฉู่จิ่นเหยาที่โดดเด่นอยู่เพียงผู้เดียว หลินเป่าจูชวนคุณหนูของจวนโหวทุกคนไปชมดอกเบญจมาศ นางรู้สึกว่าฉู่จิ่นเหยาเป็นคนตรงไปตรงมา ทั้งยังไม่อับอายที่ถูกครอบครัวชาวนาอุ้มสลับตัวไป นางจึงชอบฉู่จิ่นเหยามากกว่าคุณหนูคนอื่นๆ หลินซีหย่วนกับหลินซีหนิงก็ตามมาสมทบด้วย หลังจากชมดอกเบญจมาศเสร็จ จวนโหวกับจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องก็ร่วมกินอาหารด้วยกัน ระหว่างนั้นมีคนมาส่งข่าวว่าชาวต๋าต๋าบุกมาที่ด่านชายแดนแล้ว หลินซีหย่วนรีบออกจากจวนทันที บรรดาสตรีต่างพากันตกอกตกใจยิ่ง ต่างวางแผนคิดจะพากันลี้ภัยล่วงหน้า แต่ฉู่จิ่นเหยากลับคิดว่ารัชทายาทจะต้องปราบปรามชาวต๋าต๋าได้อย่างแน่นอน ทั้งยังลอบดูแคลนเหล่าชนชั้นสูงที่คิดแต่จะหลบหนี ทั้งที่ทหารที่ด่านชายแดนต้องต่อสู้แลกด้วยเลือดเนื้อและชีวิต จ้าวซื่อหวาดกลัวอย่างยิ่งจึงขอตัวกลับจวนโหวก่อน ขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่นั้นชายาเฒ่าก็ตั้งใจจะให้หลินเป่าจูลี้ภัยไปพร้อมกับรัชทายาท ทั้งสองจะได้สนิทสนมกันมากขึ้น ทั้งยังเลือกแล้วว่าจะให้ฉู่จิ่นเหยามาเป็นสหายร่วมเรียนของหลานสาวตน แต่ชายาจวิ้นอ๋องกลับชอบฉู่จิ่นเมี่ยวมากกว่า เพราะฉู่จิ่นเหยาโดดเด่นเกินไป เกรงว่าจะข้ามหน้าข้ามตาบุตรสาวของตน
หลังจากนั้นไม่นานก็มีข่าวแพร่ออกมาว่ารัชทายาทเผาทำลายกระโจมเผ่าย่อยของต๋าต๋าจนย่อยยับ ทำให้ราษฎรที่ด่านชายแดนต่างพากันโล่งอก ซูฮุ่ยเองก็เข้าเมืองไท่หยวนพร้อมกับ ‘คนฆ่าสัตว์จาง’ ผู้เป็นสามี และเข้าทำงานที่ร้านผ้าอวิ๋นจือ ทางด้านจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องก็ส่งเทียบเชิญมาที่จวนโหวอีกครั้งเพื่อเชิญฮูหยินและคุณหนูของจวนโหวไปเป็นแขกในงานเลี้ยงวันปีใหม่ ขณะนั้นฉู่จิ่นเหยาก็ตกลงเป็นพันธมิตรกับฉู่จิ่นหวั่น แต่ในใจยังคงระแวดระวังอีกฝ่ายอยู่ตลอด เมื่อมาถึงจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง แขกทุกคนก็นั่งพูดคุยกันอยู่ในโถงบุปผา มีสาวใช้นางหนึ่งทำถ้วยชาหกใส่ฉู่จิ่นเหยาอย่างไม่ทันระวัง ฉู่จิ่นเหยาจึงต้องไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องด้านหลัง แต่สาวใช้ที่นำทางนางกลับคิดไม่ซื่อ ทำให้นางหลงทาง ฉินอี๋ที่มาเมืองไท่หยวนลอบมองฉู่จิ่นเหยาจากบนหอสูงไกลๆ ก็ส่ง ‘เสี่ยวหลินจื่อ’ ขันทีข้างกายเขาไปช่วยเหลือนาง เสี่ยวหลินจื่อเข้าไปแนะนำตัวว่าตนชื่อ ‘เสี่ยวหลิน’ เป็นบ่าวไพร่ของจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง แล้วช่วยนำทางฉู่จิ่นเหยาจนนางกลับไปถึงโถงบุปผาได้อย่างปลอดภัย ทว่าฉู่จิ่นเหยาทำกระเป๋าเงินหายจึงวกกลับไปและขอให้เสี่ยวหลินจื่อช่วยหา ฉู่จิ่นเมี่ยวกับฉู่จิ่นฉานกังวลว่าแผนกลั่นแกล้งเพื่อขัดขวางไม่ให้ฉู่จิ่นเหยาเป็นสหายร่วมเรียนของพวกนางจะไม่สำเร็จ อีกทั้งฉู่จิ่นหวั่นก็ไม่อยู่ในโถงบุปผา พวกนางจึงออกไปตามหาคนทั้งสอง ทางด้านฉู่จิ่นหวั่นพอเห็นหลินซีหย่วนโดยบังเอิญก็เข้าไปบอกว่าฉู่จิ่นเหยากำลังถูกคนเล่นงาน
ฉู่จิ่นเมี่ยวกับฉู่จิ่นฉานมาถึงห้องด้านหลังที่ฉู่จิ่นเหยาใช้ผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเห็นบ่าวชายเดินผ่านมาก็รีบโวยวายขึ้นมาทันทีว่ามีบุรุษลอบเข้าหาฉู่จิ่นเหยา แต่หลินซีหย่วนกับฉู่จิ่นหวั่นก็มาถึงพอดี พอเปิดประตูเข้าไปในห้องกลับไม่เห็นฉู่จิ่นเหยาแม้แต่เงา หลินซีหย่วนรู้แผนการของฉู่จิ่นเมี่ยวและฉู่จิ่นฉานดี เดิมทีทั้งสองพยายามหลอกล่อให้เขาเข้ามาในห้องของฉู่จิ่นเหยา โดยให้หลินซีหนิงมอบกระเป๋าเงินของฉู่จิ่นเหยาให้เขาก่อนหน้านี้ เพื่อให้เขาเข้าใจว่าฉู่จิ่นเหยาเรียกเขาไปพบ พอพวกนางโวยวายขึ้นมาฉู่จิ่นเหยาก็จะเสียชื่อเสียงและไม่ได้เป็นสหายร่วมเรียน ส่วนฉู่จิ่นหวั่นก็ใช้โอกาสนี้ตลบหลังฉู่จิ่นเมี่ยวและฉู่จิ่นฉานอีกครา ทีนี้นางก็จะได้เป็นสหายร่วมเรียนของเซี่ยนจู่เพียงคนเดียว หลินซีหย่วนไล่สตรีทั้งสามกลับไปที่โถงบุปผา ทางด้านฉู่จิ่นเหยาที่หากระเป๋าเงินของตนเองไม่พบก็กระวนกระวายอย่างยิ่ง ขณะนั้นนางบังเอิญเห็นบุรุษกลุ่มใหญ่เดินผ่าน แต่คนที่ถูกรายล้อมไว้ตรงกลางมีรูปโฉมคล้ายฉีเจ๋ออย่างยิ่ง ฉู่จิ่นเหยาตกตะลึง แต่ก็ต้องรีบกลับไปที่โถงบุปผา เมื่อไปถึงก็บังเอิญเห็น ‘หลิงหลง’ สาวใช้ของนางกำลังตามหานางอยู่พอดี ฉู่จิ่นเหยารู้แผนการของพวกฉู่จิ่นเมี่ยวแล้ว จึงกระซิบบอกบางอย่างกับหลิงหลงและเดินเข้าไปในโถงบุปผา
เมื่อแขกกลับไปกันหมดแล้ว ชายาเฒ่าก็เรียกคุณหนูของจวนโหวมาพบ นางรู้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ดี เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับหลินซีหย่วนหลานชายของนาง เพียงแต่ไม่ได้เอ่ยถึงต่อหน้าแขกเท่านั้น ฉู่จิ่นเหยาชี้แจงว่านางหลงทางและกำลังหากระเป๋าเงินกับบ่าวชายที่ชื่อเสี่ยวหลินในสวนบุปผา แต่คนอื่นๆ กลับไม่เชื่อ เพราะระยะเวลาในการหลงทางนั้นยาวนานยิ่ง อีกทั้งในจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องก็ไม่มีบ่าวชายที่ชื่อเสี่ยวหลิน หลินซีหย่วนเข้ามาช่วยพูดแทนฉู่จิ่นเหยาอย่างทันท่วงที เขาบอกว่าทั้งหมดนี้เป็นความผิดของบ่าวรับใช้ในจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋อง พอเรื่องราวคลี่คลายลงแล้ว ลับตาคนหลินซีหย่วนก็คืนกระเป๋าเงินให้ฉู่จิ่นเหยาและบอกให้นางระวังตัว จ้าวซื่อก็พาทุกคนกลับจวนโหวด้วยความอับอาย ทางด้านเสี่ยวหลินจื่อก็ไปรายงานเรื่องราวทั้งหมดให้รัชทายาทฟัง ทั้งยังบอกว่าพอฉู่จิ่นเหยาเห็นรัชทายาทก็นึกว่าไม่ใช่คน ฉินอี๋หัวเราะอย่างอารมณ์ดียิ่ง
เมื่อกลับมาถึงจวนโหว ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่ซักไซ้คุณหนูทุกคนว่าไปก่อเรื่องอะไรที่จวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องมา ฉู่จิ่นเมี่ยวเอาแต่ร่ำไห้ไม่หยุด ทั้งยังพยายามปฏิเสธความผิด ฉูจิ่นฉานกับฉู่จิ่นหวั่นก็เล่าเรื่องราวไปคนละทาง แต่ฮูหยินผู้เฒ่าฉู่มีประสบการณ์มามาก นางย่อมรู้ว่าผู้ที่วางหลุมพรางคือฉู่จิ่นเมี่ยว ฉู่จิ่นฉานน่าจะเป็นผู้ช่วย ส่วนฉู่จิ่นหวั่นเป็นผู้ที่ซ่อนเร้นได้ลึกที่สุด นางจึงลงโทษทุกคนโดยส่งฉู่จิ่นเมี่ยวไปปฏิธรรมที่อารามสองสามวัน ส่วนฉู่จิ่นฉานกับฉู่จิ่นหวั่นถูกกักบริเวณในจวนโหว ต้องคัดคัมภีร์ตั้งจิตภาวนา และสวดมนต์กินเจทุกวัน จ้าวซื่อได้แต่ร่ำไห้ด้วยความสงสารฉู่จิ่นเมี่ยว พอถึงวันสิ้นปีฉู่จิ่นเสียนก็กลับมาเยี่ยมบ้านเดิม พอนางกับฉู่จิ่นเหยาไปเยี่ยมจ้าวซื่อที่เรือนก็เห็นว่ามารดามีท่าทางเศร้าซึม พอจ้าวซื่อเห็นฉู่จิ่นเหยาก็ตำหนินาง เพราะได้ยินข่าวมาว่าฉู่จิ่นเหยาส่งตัวซุนหมัวมัวออกจากจวนแล้ว และพาลโมโหที่ฉู่จิ่นเหยาเป็นสาเหตุที่ทำให้ฉู่จิ่นเมี่ยวต้องไปอยู่ที่อาราม ฉู่จิ่นเหยาได้ยินดงนี้ก็ไม่คาดหวังกับจ้าวซื่ออีกต่อไปแล้ว นางไม่อาจสร้างความสนิทสนมกับจ้าวซื่อได้เหมือนฉู่จิ่นเมี่ยว ฉู่จิ่นเสียนได้แต่เวทนาน้องสาวแท้ๆ ของตนเอง ขณะที่พวกนางทั้งสองออกมาจากเรือนของจ้าวซื่อก็มีข่าวแพร่ออกมาจากเรือนหรงหนิงว่าจวนไหวหลิงจวิ้นอ๋องตัดสินใจเลือกฉู่จิ่นเมี่ยวและฉู่จิ่นเหยาไปเป็นสหายร่วมเรียนของเซี่ยนจู่
(จบเล่ม 2)

สินค้าที่เกี่ยวข้อง

คะแนนรีวิวจากผู้ซื้อจริง

0 เต็ม 5 ดาว
0 คน
0
0
0
0
0