ธรรมะ DIY

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากความเข้าใจของผม ที่บอกว่าเป็นประโยคที่ไม่จำเป็นก็เพราะว่าหนังสือทุกเล่มก็ต้องเขียนตามความเข้าใจของผู้เขียนอยู่แล้ว แต่สาเหตุที่ต้องเขียนประโยคนี้ก็เพื่อให้ผู้อ่านทราบว่า ความผิดพลาดใด ๆ ที่มีในหนังสือเล่มนี้เกิดขึ้นจากตัวผมเอง ไม่เกี่ยวกับครูบาอาจารย์หรือบุคคลอื่นที่ผมอ้างอิงถึง ผมเขียนหนังสือเล่มนี้เพราะต้องการจะสื่อสารธรรมะให้คนร่วมสมัยเข้าใจมากขึ้น โดยใช้คำศัพท์ทั่วไป, แผนภาพ (DIAGRAM), ภาพประกอบ, และวิธีอื่น ๆ เพื่อปูพื้นฐานสำหรับศึกษาธรรมะขั้นต่อไป ในหนังสือมีศัพท์ภาษาอังกฤษอยู่ประปราย ไม่ใช่เพราะต้องการแสดงความรู้ด้านภาษาอังกฤษ แต่เพราะคิดว่าผู้อ่านบางคนอาจจะไม่คุ้นกับศัพท์บัญญัติ และเพราะหวังว่าผู้อ่านบางคนอาจจะเข้าใจมากขึ้นถ้ามีคำภาษาอังกฤษกำกับไว้ ดังที่อาจารย์ชัยศิริ ปัณฑิตานนท์ได้กล่าวว่า ถ้าเราคิดเป็นภาษาไทยไม่ออก ก็ให้คิดเป็นภาษาอังกฤษ แต่ถ้าคิดเป็นภาษาอังกฤษไม่ออก ก็ให้คิดเป็นภาษาบาลี ผมได้ให้แหล่งข้อมูลเพิ่มเติมเป็น URL ซึ่งบางอันอาจจะใช้การไม่ได้ ในกรณีดังกล่าว ให้ท่านปรึกษา กัลยาณมิตรคือ GOOGLE.COM โดยรวมรวมเอาคำสำคัญที่อยุ่ในหนังสือไปเป็นคำค้น ธรรมะหรือความจริงแบ่งเป็น 2 ระดับ คือระดับสมมุติและระดับปรมัตถ์ ความจริงระดับสมมุตเหมาะกับคนทั่วไป ซึ่งเมื่อเรียนรู้และปฏิบัติตามก็จะอยู่ในโลกได้อย่างมีความสุข ส่วนความจริงระดับปรมัตถ์เหมาะสำหรับผุ้ที่ต้องการพ้นทุกข์โดยสิ้นเชิง สาเหตุที่ต้องแยกธรรมะหรือความจริงเป็น 2 ระดับก็เหมือนกับการสอนวิทยาศาสตร์ ในระดับเบื้องต้นอาจจะสอนเรื่องอะตอม แต่ในระดับสูงอาจจะสอนเรื่อง string theory ในทำนองเดียวกัน การสอนธรรมะในระดับเบื้องต้น ที่ผุ้เรียนยังชอบความสุข ก็จะเป็นธรรมะที่ช่วยทำให้เกิดประโยชน์และเกิดความสุขแก่ผู้ปฏิบัติ เช่น ทำดีแล้วได้ขึ้นสวรรค์ แต่ในระัดับสูงขึ้นก็จะไม่เอาทั้งสุขและทุกข์ และสวรรค์ไม่ใช่จุดมุ่งหมาย ดังนั้นขณะที่อ่านหนังสือธรรมะใด ๆ นอกจากที่จะต้องใช้หลักกาลามสูตรแล้ว ท่านยังต้องแยกแยะว่าที่ท่านกำลังอ่านอยู่นั้นเป็นธรรมะระดับใด