เพื่อนๆหลายคนมีหนังสือที่เรียกว่าหนังสือเปลี่ยนชีวิตมั้ยคะ เมื่อเราอ่านไปครั้งนึงแล้วข้อคิดจากหนังสือเล่มนั้นก็ยังติดในหัวเราไม่ไปไหน แม้ว่าเวลาจะผ่านไปหลายเดือนหรือหลายปีแล้วก็ตาม

ผู้เขียนเองก็มีอยู่หลายเล่มเลยค่ะ แต่เล่มนึงที่อยากเอามาเล่าให้ฟัง คือเล่ม ที่ชื่อว่า สิบเสาหลักแห่งความร่ำรวย  The 10 Pillars of Wealth แค่ชื่อหนังสือตอนที่ได้ฟังครั้งแรกอาจจะดูเหมือนไปเรื่องไกลตัวมากๆ  สำหรับมนุษย์เงินเดือนแบบเราๆ จนไม่อยากหยิบมาอ่าน  

แต่พอลองได้อ่านแค่บทนำที่เป็นประวัติของผู้แต่งแล้วก็ทำให้หนังสือเรื่องนี้น่าสนใจและอยากอ่านบทต่อไปแล้วค่ะ เพราะประวัติของผู้แต่งเองก็น่าสนใจมากๆค่ะคือคุณอเล็กซ์ เบรกเกอร์ เริ่มต้นจากการเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆนี่แหละค่ะ  

คุณอเล็กซ์เริ่มต้นจากการเป็นทหารอากาศเมื่ออายุ 22 และกำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว  ด้วยการมีลูก1คน ทุกอย่างดูราบรื่นดีไปหมดจนคุณอเล็กซ์คิดว่า หรือเค้าควรรับราชการทหารจนเกษียณอายุดีนะ พอลูกๆอายุ18ปีไปแล้ว เค้าก็จะไม่ต้องเลี้ยงดูลูกๆแล้ว แถมก็ยังมีเงินบำนาญไว้ใช้ตลอดชีวิต เรียกได้ว่าชีวิตก็ดีระดับนึงเลย

หลังจากนั้นความเปลี่ยนแปลงของชีวิตได้เข้ามา หลังจากที่ทำงานไปนานหลายปีคุณอเล็กซ์ได้เปลี่ยนหัวหน้างานคนแล้วคนเล่า แต่หน้าที่เค้าที่ทำมาหลายปีก็มีแต่ทำความสะอาดรถดับเพลิง อุปกรณ์ดับเพลิง จนแทบจะไม่เคยทำหน้าที่เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิงของกองทัพจริงๆ

คุณอเล็กซ์ไม่พอใจในชีวิตตัวเอง ณ ตอนนั้น จึงคิดที่จะหางานใหม่  หลังจากนั้นก็กลับมานั่งคิดทบทวนกับตัวเองว่าเค้ามีความสามารถอะไรบ้าง เลยได้รู้ว่าจริงๆแล้วเค้าแทบจะไม่มีความสามารถพิเศษอะไรเลยหรือประสบการณ์ทำงานที่ช่วยให้เค้าเปลี่ยนงานใหม่ได้ง่ายๆ ถ้าเป็นเราๆก็คงจะอดทนและคิดว่าชีวิตเราคงได้แค่นี้ใช่มั้ยคะ

แต่คุณอเล็กซ์ไม่คิดแบบนั้นค่ะ คุณอเล็กซ์พยายามไปหาข้อมูลแล้วพบว่าธุรกิจ SEO - Search Engine Optimization ทำเงินได้ค่อนข้างมากในโลกออนไลน์ จึงหาวิธีเรียนเพิ่มเติม  พร้อมทั้งเปิดบริษัทและใช้เวลามากกว่า16ชั่วโมงต่อวันในการหาลูกค้าจนธุรกิจประสบความสำเร็จ

นอกจากประวัติของผู้แต่งที่ดูน่าสนใจมากๆแล้วอีกสิ่งนึงที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือ แนวคิดที่สอนค่ะ วันนี้จะยกตัวอย่างมาให้ฟัง 3เสาจาก10เสานะคะว่าแนวคิดของเค้าน่าสนใจยังไง

1.เลิกคิดที่จะหวังรวยในภายภาคหน้า

หลายคนคงได้ยินคำว่า การลงทุนทำอะไรสักอย่างนึงเช่นการเปิดบริษัท เป็นการเสี่ยงๆมากๆและไม่น่าประสบความสำเร็จได้ง่ายๆ แน่นอนค่ะว่าเป็นการเสี่ยงระดับนึงแน่ๆค่ะ แต่การที่อยู่เฉยๆเป็นพนักงานประจำก็มีความเสี่ยงเช่นกันค่ะ เช่น โดนไล่ออกจากงาน ป่วยจนต้องใช้เงินจำนวนมาก งานของเราถูกเอาไปให้คนเงินเดือนน้อยกว่าทำ

หลายๆอย่างก็ดูเป็นปัจจัยเสี่ยงพอๆกันมั้ยคะ หากเราจะคิดว่าเงินจากประจำคือโดมิโน่ที่เรียงไว้อย่างสวยงาม แต่ถ้าเกิดติดขัดปัญหาใหญ่อย่างที่ว่ามาด้านบนแล้ว โดมิโน่คงล้มครืนแน่ๆค่ะ อ่านมาถึงตอนนี้แล้วหลายคนคงคิดว่าคงต้องให้ลาออกจากงานไปเปิดบริษัทเท่านั้นหรอที่จะปลอดภัย จริงๆแล้วไม่ใช่นะคะ  มีการลงทุนหลากหลายอย่างที่อยู่ในเล่มนี้ที่สามารถทำตามได้โดยที่เรายังไม่ต้องออกจากงานค่ะ

2.สนใจที่งานที่ทำแล้วได้สตางค์เท่านั้น

หลายๆคนน่าจะเคยเป็นนะคะว่าเจอปัญหาที่ทำงานไม่ทันเวลาที่กำหนด เพราะงานล้นมือไม่รู้จะโฟกัสกับอะไรก่อน คุณอเล็กซ์ มีข้อแนะนำค่ะว่า ควรจะเขียนงานที่ต้องทำทั้งหมดออกมาแล้วเขียนว่างานไหนที่ได้สตางค์บ้าง  เพื่อที่เราจะได้โฟกัสกับสิ่งที่เป็นประโยชน์เท่านั้นค่ะ เพราะบางครั้งเราเสียเวลากับสิ่งที่ยังไม่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วนค่ะ

ยกตัวอย่างเช่น

1. โทรศัพท์หากลุ่มเป้าหมายโดยไม่ได้นัด500ราย

2. ส่งและตอบอีเมล์ 40 ขั่วโมง

3. โทรศัพท์ไปติดตามผลลูกค้า250สาย

4. ไปพบปะลูกค้าเพื่อปิดการขาย 40 ชั่วโมง

จากตัวอย่างเราจะเห็นว่าจริงๆแล้ว4อย่างด้านบน เราควรทำทั้งหมดถูกต้องมั้ยคะ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด เราควรทำสิ่งที่ให้เงินได้มากที่สุดคือข้อ4ค่ะ เพราะจะสามารถสร้างยอดขายและใช้ระยะเวลาอันสั้นและเวลามีเงินเราก็สามารถไปจ้างคนอื่นไปทำแทนในส่วนที่1-3ได้

3.เลิกคิดถึงปัญหาแล้วแบบแล้วถ้า ให้ใส่ใจกับปัญหาแบบแล้วไงดี

แน่นอนว่าคำ2คำนี้ฟังเหมือนความหมายใกล้กันนะคะ แต่จริงๆแล้วความหมายที่ต้องการสื่อต่างกันมากเลยค่ะ  

แล้วถ้า..จะเกิดขึ้นบ่อยๆสำหรับคนที่เริ่มจะเปลี่ยนแปลงอะไรใหม่ๆแต่ยังกลัวการเปลี่ยนแปลงอยู่ เราจะมีคำถามมากมายกับการเริ่มทำอะไรใหม่ๆทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มต้นเลย ให้คิดถึงปัญหาที่คาดว่าจะเกิดแน่ๆแล้วใช้คำว่าแล้วไงดีเพื่อตั้งรับกับปํญหาที่จะเกิดขั้นดีกว่าค่ะ

ส่วนแนวคิดที่เหลืออยากให้เพื่อนๆไปลองอ่านดูนะคะ สนุกและใช้การทำความเข้าใจไม่ยากเลยค่ะ เมื่ออ่านแล้วถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนที่รวยขึ้นในทันทีแต่จะรู้สึกถึงเป้าหมายในชีวิตได้ชัดเจนมากขึ้นค่ะ

The 10 PILLARS OF WEALTH

ISBN : 9786164342637