อี-บุ๊ค
฿ 150.00
150.00
ประหยัด 0 %
Barcode : 3000000017016
หมวดหนังสือ : วารสารสาขาสังคมศาสตร์
บทความวิชาการฉบับนี้ได้เสนอแนวทางบางประการที่สามารถนำไปปรับใช้เพื่อพัฒนา วิธีพิจารณาคดีปกครองของประเทศไทย ซึ่งได้จากการศึกษาและวิเคราะห์ระบบการอุทธรณ์ภายใน ฝ่ายปกครองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันในระบบกฎหมายไทย รวมถึงจากการศึกษาและวิเคราะห์เปรียบเทียบ แนวทางการปฏิรูประบบการอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (ประเทศเยอรมนี) ซึ่งเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบของกฎหมายวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองของประเทศไทย ผลจากการ ศึกษาข้างต้นนำมาซึ่งข้อสรุปที่สำคัญที่ว่า ระบบกฎหมายไม่ควรใช้ระบบการอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครอง แบบบังคับควบคู่ไปกับการรับรองหลักการวินิจฉัยอุทธรณ์ที่เป็นผลร้ายยิ่งขึ้นไปด้วย ในขณะเดียวกัน เนื่องจากจะก่อให้เกิดผลที่ขัดแย้งกันระหว่างประสิทธิภาพของวัตถุประสงค์ทั้งสามประการของระบบ การอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครอง ได้แก่ การคุ้มครองสิทธิของประชาชน การตรวจสอบหรือควบคุมตนเองของ ฝ่ายปกครอง และการปลดเปลื้องหรือแบ่งเบาภาระการพิจารณาคดีของศาล อย่างไรก็ตาม เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฏจากการศึกษาว่า ระบบการอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองที่ใช้อยู่ในปัจจุบันของประเทศไทย มีลักษณะเป็นระบบการอุทธรณ์แบบบังคับ อันเป็นผลมาจากมาตรา 42 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ในขณะที่อีกด้านหนึ่งก็บัญญัติรับรองหลักการ วินิจฉัยอุทธรณ์ที่เป็นผลร้ายยิ่งขึ้นไว้อย่างชัดแจ้งตามมาตรา 46 แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการ ทางปกครอง พ.ศ. 2539 บทความฉบับนี้จึงเสนอแนวทางในการปฏิรูประบบการอุทธรณ์ภายใน ฝ่ายปกครองของประเทศไทยไว้ทั้งสิ้นสี่แนวทาง ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำไปใช้เพื่อแก้ไขปรับปรุงกลไก การอุทธรณ์คำสั่งทางปกครองของประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เพื่อให้วัตถุประสงค์ ทั้งสามประการของระบบการอุทธรณ์ภายในฝ่ายปกครองบรรลุผลมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้