ตอนที่ 5 : Light it forward

     หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับชื่อเสียงของ Lisa ในฐานะสมาชิกวง Black Pink เป็นอย่างดีแล้ว เธอคือศิลปินหญิงเชื้อชาติไทยที่เติบโตผ่านวงการอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศเกาหลีใต้จนประสบความสำเร็จ แม้ว่าสังคมเกาหลีใต้จะไม่ต้อนรับคนต่างชาติเช่นเธอมากนัก ความสามารถและมานะอันยิ่งยวดก็พาให้ Lisa ไปถึงหมุดหมายตามที่เธอฝันในที่สุด คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกภูมิใจและนับเป็นตัวอย่างอันยอดเยี่ยมของการพิสูจน์ตัวเองแบบไม่มีทางลัดให้กับใครหลายคน

     Lisa เคยมีผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัด YG Entertainment มาก่อนหน้านั้น อัลบั้มเพลงดังกล่าวยังคงเน้นไปที่กลุ่มผู้ฟัง K-pop อยู่เช่นเคย ทว่าหลังจากหมดสัญญากับต้นสังกัดเดิม ผลงานเพลงชิ้นใหม่ชื่อว่า Rockstar ถูกเปิดตัวออกมาภายใต้ชื่อบริษัทใหม่ของเธอเอง ลักษณะดนตรีที่เปลี่ยนไปพอจะทำให้หลายคนมองออกว่า สาวน้อย Lisa คนนี้ได้ยกคุณภาพงานตัวเองไประดับสู่สากลเรียบร้อยแล้ว

ที่มา: https://youtu.be/hbcGx4MGUMg

     Rockstar ซ่อนนัยยะในเนื้อร้องให้แปลความหมายกันไปได้มากมาย รวมไปถึง Music Video ยังซ่อนสัญลักษณ์ให้ขบคิดกันต่อไปได้หลายอย่าง เมื่อผสมกับข้อเท็จจริงเบื้องหลังที่ Lisa เลือกจ้างเฉพาะคนไทยเข้ามาใน Music Video ทั้งยังเลือกสถานที่ถ่ายทำในประเทศไทยทั้งหมดด้วยแล้ว เราต่างเข้าใจได้ไม่ยากว่าเธอกำลังตอบแทนประเทศไทยผ่านการจ้างงานและช่วยประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวให้กับประเทศบ้านเกิดของเธอเอง

     ฉากภาพหนึ่งใน MV ที่สะดุดความคิดของผู้เขียนมากที่สุดคือ เหล่าเด็กฝึกชาวไทยในชุดขาวรอบตัว Lisa ต่างจ้องมองมาที่เธอเป็นจุดเดียว หากทำความเข้าใจแบบทั่วไป มันหมายถึงการเป็นดาวเด่นของ Lisa ทำให้เด็กฝึกทั้งหลายต่างจับจ้อง กลายเป็นจุดสนใจของพวกเขาที่ต้องการเติบโตในฐานะศิลปินและไปให้ถึงความสำเร็จเช่นเดียวกัน

ree

รูปที่ 1: ภาพจาก MV Rockstar นาทีที่ 2:30

     ตามธรรมเนียมทั่วไปแล้ว การตอบแทนผู้ที่เคยหยิบยื่นประโยชน์ให้ (pay it back) เป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยดี ดังที่การผลิต MV Rockstar แสดงให้เห็น แต่ถ้าพิจารณาในระดับตัวบุคคลอีกครั้ง จะพบว่ามันดูแปลกที่ Lisa ส่งมอบโอกาสสำคัญให้กับคนแปลกหน้าที่เธอไม่รู้จัก คนไทยหลายคนในกลุ่มผู้ถูกว่าจ้างนั้นยังไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับเธอเลยสักครั้ง

     นอกจากนั้น ฝั่งผู้รับจ้างยังนำบทบาทของพวกเขาใส่ลงในแฟ้มสะสมผลงาน (portfolio) ได้อีกทอดหนึ่งด้วย มันหมายถึงโอกาสในการทำงานระดับสากลของพวกเขาจะไม่เป็นแค่ความฝันอีกแล้ว และนั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ Lisa มอบให้และมันล้ำค่ามากกว่าตัวเงินเสียอีก

     นี่อาจเป็นอีกแง่มุมหนึ่งที่เราไม่ได้นึกถึงบ่อยนัก เราเรียกมันว่าความมีน้ำใจแบบไม่เจาะจง (random act of kindness) และตรงกับคำพูดประโยคหนึ่งที่ Jermaine Gresham นักอเมริกันฟุตบอล NFL บอกกับผู้ที่เขาช่วยเหลือเอาไว้ว่า Pay it forward (อ้างถึง ข่าวแปล และ ข่าวต้นฉบับ) ประโยคที่ว่านี้หมายถึงการช่วยเหลือ หยิบยื่นประโยชน์ หรือส่งต่อโอกาสให้กับผู้อื่น มากกว่าจะมุ่งตอบแทนเฉพาะตัวผู้ให้เช่นเขาเพียงคนเดียวนั่นเอง

     หลังจากสืบหาต้นกำเนิดของประโยคดังกล่าว ก็พบว่ามาจากนิยาย Pay it forward ของ Catherine Ryan Hyde ซึ่งผู้แต่งได้รับแรงบันดาลใจจากเหตุการณ์รถยนต์ของเธอขัดข้องในยามค่ำคืน ทว่าชายแปลกหน้า 2 คนปรากฏตัวขึ้นและเข้ามาหยิบยื่นความช่วยเหลือให้กับเธอเป็นอย่างดี

     อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีโอกาสได้ตอบแทนน้ำใจแก่พวกเขา ทำให้เธอมองหาโอกาสช่วยเหลือคนอื่นเป็นการทดแทนและให้กำเนิดแนวคิด Pay it forward ในเวลาต่อมา หลังจากนั้นไม่นาน นิยายดังกล่าวก็ถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในชื่อเดียวกัน และนำเสนอหลักการออกมาเป็นแผนภาพดังรูปด้านล่าง

ree

รูปที่ 2: ฉากอธิบายความหมายของ Pay it forward จากภาพยนตร์ดังกล่าว

     เมื่อหันกลับไปมองรูปใน MV Rockstar อีกครั้ง เราจะเริ่มเข้าใจในมุมมองแบบ pay it forward ที่กลับด้านกัน นั่นคือความสำเร็จที่ Lisa ได้รับมาและกำลังทำให้เธอโดดเด่นอยู่นั้น เป็นไปเพื่อจุดประกายความพยายามให้กับเด็กไทยรุ่นต่อไปที่อยู่รายรอบเธอ รวมทั้งส่งต่อเส้นทางความฝันและความหวังของศิลปินไทยให้เข้าสู่เวทีระดับโลกได้มากขึ้น

     ดังที่อธิบายเอาไว้ในบทความ The Long Dark ว่า ท่ามกลางความมืดมิด ความหวังของมนุษย์มีความสำคัญอย่างยิ่งยวด อย่างไรก็ตาม การยืนหยัดโดยลำพังอาจทำให้ใครหลายคนต้องเหนื่อยล้าก่อนถึงจุดหมายปลายทางไปเสียก่อน

     หากระหว่างนั้นเราหยิบยื่นความช่วยเหลือ และส่งต่อความหวังตามแนวคิด Pay it forward ไปยังผู้ที่สมควรได้รับเหล่านั้นแล้ว ก็นับเป็นวิธีเพิ่มกำลังแสงส่องหนทาง ช่วยให้เราประคับประคองความหวังของกันและกันในวันอันมืดมนต่อไปได้ง่ายขึ้นมิใช่หรือ?

     กิจกรรมเหล่านี้จึงมิใช่เพียงการส่งต่อโอกาสและความปรารถนาดีเพื่อยกระดับจิตใจของมนุษย์เท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างพลังทางบวกให้กับสังคมต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด

     ยิ่งถ้าเรามีเป้าหมายบางอย่างแน่ชัดตาม Golden Circle Theory ด้วยแล้ว Pay it forward จะทำให้ผลลัพธ์อันเป็นประโยชน์วนกลับมาหาเราในลักษณะของสังคมโดยรวมที่ดีขึ้น ทั้งยังเพิ่มมิตรร่วมทางเพื่อเป็นกำลังขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายเดียวกันไปได้มากกว่าเดิม

     นับเป็นเอกลักษณ์อันสำคัญต่อการอยู่รอดของสังคมมนุษย์มาได้ทุกยุคสมัย และเป็นหลักใหญ่ใจความตามที่ Yuval Noah Harari สรุปเอาไว้ในหนังสือ Sapiens - A Brief History of Humankind อันโด่งดังนั่นเอง


อ่าน : 0

แชร์ :


เขียนความคิดเห็น