ตอนที่ 1 : Where the Crawdads Sing : ปมรักในบึงลึก

 

Where the Crawdads Sing :  ปมรักในบึงลึก

 

หนังสือเล่มนี้เป็นนวนิยายที่มีฉางดงามมากเรื่องหนึ่งเลย  สำหรับท่านใดที่ชอบแนวธรรมชาติวิทยานวนิยายเรื่องนี้น่าจะถูกใจท่านแน่   จริง ๆ แล้วผมได้เคยดูหนังเรื่องนี้ในโรงภาพยนตร์มาก่อน  พอมาได้อ่านหนังสือทำให้ได้เห็นภาพของฉากในเนื้อเรื่องได้ชัดมากขึ้น   โดยฉากในเรื่องเป็นภูมิประเทศแถบหนึ่งในชายฝั่งทะเลของประเทศอเมริกา เป็นพื้นที่ลุ่มชื้นแฉะ หนองบึง  พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีระบบนิเวศเฉพาะตัวซึ่งยังคงดำรงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์   ถ้าเปรียบเทียบกับบ้านเราก็คงเป็นแถว ๆ ป่าชายเลนนั้นเอง

 

“กระท่อมของคยาอยู่หลังดงปาล์ม ซึ่งขึ้นกระจักระจายทั่วพื้นที่ราบที่เป็นทรายไปจนถึงลากูนที่เห็นสีเขียวคดโค้งคล้ายสร้อยคอ  และจากที่เห็นดงปาล์มขึ้นทั่วที่ลุ่มชื้นแฉะที่ไกลออกไปไกลลิบๆ  ต้นหญ้าใบคมกริบทรหดที่เติบโตได้ในน้ำเค็มขึ้นเป็นแนวยาวหลายไมล์  มีเพียงต้นไม้ที่ลู่โค้งตามแรงลมขึ้นแทรกสลับ  ดงต้นโอ๊กหนาแน่นล้อมรอบอีกด้านของกระท่อม และเป็นที่พึ่งพิงแก่ลากูนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตมากมายจนผิวน้ำปั่นป่วน อากาศเจือกลิ่นเค็มเคล้าด้วยเสียงร้องของนกนางนวลลอยเอื่อยผ่านหมู่ไม้มาจากทะเล”

(จากหน้า 10)

 

นวนิยายเดินเรื่องผ่านตัวละครเด็กหญิงที่ชื่อ “คยา” เด็กน้อยที่มีช่วงชีวิตวัยเยาว์ที่น่าสงสาร  เริ่มต้นจากเธอถูกผู้เป็นแม่ทิ้งไปตั้งแต่เธอยังเล็ก แล้วพี่น้องทุกคนก็หนีออกจากบ้านตามไปหมด ปล่อยเธอทิ้งไว้อยู่กับพ่อที่มีอารมณ์ร้าย ฉุนเฉียวและมึนเมาไปด้วยกลิ่นเหล้าอันคะคลุ้ง แล้ววันหนึ่งผู้เป็นพ่อก็จากไป ปล่อยทิ้งให้คยาต้องอยู่คนเดียว  ภายในบ้านหลังเก่าของเธอที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ

 

คยาไม่ได้เข้าเรียนหนังสือ  เธอดำรงชีวิตด้วยการหาหอยนางรมเอาไปขายให้แก่จั๊มปิ้น  ชายผิวสีผู้ใจดีที่คอยชวยเหลือเธอตลอด เขาเป็นเจ้าของท่าเรือเติมน้ำมันและร้านขายของชำ  ในบางครั้งเธอก็จับปลาเอามารมควันเพื่อไปขายให้เขาด้วย  นอกจากนั้นเธอยังปลูกพืชผักสวนครัวไว้กินเอง  เรียนรู้การทำอาหารกินเอง  คยามีพรสวรรค์ในการวาดรูปและเข้าใจสรรพสิ่งตามธรรมชาติ  เธอจึงใช้ชีวิตด้วยการโดดเดี่ยวของเองออกจากสังคม เพื่อให้ห่างไกลจากเสียงครหานินทาต่าง ๆ ที่เฝ้าประนามเรียกเธอว่า “เด็กบึง”  และหลีกหนีให้ห่างจากคนผู้ซึ่งต่างรังเกียจและกีดกั้นเธอ

 

จุดเปลี่ยนของชีวิตคยาเกิดขึ้นเมื่อเธอเริ่มโตเป็นสาว มีผู้ชาย 2 คนเข้ามาในชีวิตของเธอ  คนหนึ่งคือเทต วอล์กเกอร์ชายเป็นผู้ชายแสนดีที่สอนให้เธออ่านหนังสือ  ส่วนคนคือเชส แอนดรูส์ ชายที่ปลอมตัวมาในรูปแบบคนรักที่หวังจะครอบครองร่างกายของเธอ   จนทำให้วันหนึ่งเธอต้องตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆาตกรรม  ซึ่งเป็นกลายที่มาของชื่อเรื่องภาษาไทยที่ว่า “ปมรักในบึงลึก”

 

ส่วนชื่อเรื่องภาษาอังกฤษที่ว่า “Where the Crawdads Sing” ตามความเข้าใจของผม  ถ้าแปลตามนัยยะตามเนื้อเรื่อง  คำว่า Crawdads หมายถึงกุ้งเคย์ฟิชที่เป็นสัตว์เฉพาะถิ่นซึ่งอาศัยอยู่ในบริเวณนั้น  ส่วนที่บอกว่าสถานที่ซึ่งกุ้งเคย์ฟิชร้องเพลงนั้นหมายถึงบริเวณที่ห่างไกลซึ่งความงดงามของธรรมชาติที่ยังบริสุทธิ์อยู่  กุ้งเคย์ฟิชเวลาออกหากินมักจะใช้ก้ามหรือหนวดถูกันจนเกิดเป็นเสียงเฉพาะตัว  ซึ่งถ้าใครฟังด้วยความสุนทรียะอาจฟังเป็นเสียงเพลงก็ได้

 

ความคิดเห็นส่วนตัวหลังจากอ่านเรื่องนี้แล้ว  ผมคิดว่าเป็นนวนิยายที่งดงามเรื่องหนึ่งเลย  แม้ว่าในความเป็นจริงยากจะเชื่อว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ตัวคนเดียวจะอยู่รอดท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างไร?  แต่อ่านไปก็เชื่อเพราะความเป็นนิยายซึ่งอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น  พอผมอ่านจนจบเรื่องแล้วมาอ่านประวัติผู้เขียน  จึงพอทราบว่านวนิยายเรื่องนี้ผู้แต่งตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อต้องการอนุรักษ์ธรรมชาติของชายฝั่งทะเลแถบนั้น  ด้วยการนำเสนอชีวิตตามธรรมชาติที่งดงามยังไม่ถูกทำลาย  เพื่อให้คนอ่านรู้สึกรักและหวงแหนธรรมชาติที่สมบูรณ์ เป็นวิธีการอนุรักษ์ที่แยบยลด้วยการสร้างเรื่องราวทางวรรณศิลป์ขึ้นมา สร้างตำนานของ “คยา” ขึ้นมาเพื่อเล่าขาน  โดยให้ตัวละครหลักของเรื่องทำหน้าที่เป็นผู้อนุรักษ์ธรรมชาติแทน

 

 

Where the Crawdads Sing :  ปมรักในบึงลึก เขียนโดย DELIA OWENS แปลเป็นภาษาไทยโดยวรินทร์ วารีนุกูล  จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ยูนิคอร์น  ซึ่งเป็นสำนักพิมพ์ในเครือของบริษัท  ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) เดือนกรกฎาคม 2565  ฉบับปกอ่อน  ความหนา400 หน้า ราคาปก 365 บาท  มีวางจำหน่ายตามร้านหนังสือทั่วไป และที่ศูนย์หนังสือจุฬาทุกสาขา

 


อ่าน : 0

แชร์ :

เขียนความคิดเห็น