Episode 1 : ฝึกการสนทนาด้วยหนังสืออ่านนอกเวลา Graded Readers

ยุคสมัยนี้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาอังกฤษเป็นสิ่งจำเป็นกับเรามากขึ้นทุกวัน การสอบแข่งขันเข้าสถานศึกษาหรือแม้กระทั่งการสัมภาษณ์เข้าทำงานในบริษัทมีชื่อเสียงล้วนเน้นไปที่คุณสมบัติด้านภาษาของผู้สมัครเพิ่มเติมขึ้นมาจากพื้นฐานการศึกษาและประสบการณ์การทำงาน

การสอบสัมภาษณ์ภาษาอังกฤษให้ชนะใจคณะกรรมการผู้คัดเลือกนั้น หลักๆคือการสนทนาได้อย่างเป็นธรรมชาติ เข้าใจในสิ่งที่ถาม และตอบออกไปได้อย่างตรงประเด็นโดยผู้ฟังก็เข้าใจในเนื้อหาที่เราต้องการสื่อสารด้วย การเตรียมตัวเพื่อสนทนาภาษาอังกฤษให้ได้อย่างที่กล่าวมานั้นต้องใช้เวลาในการฝึกฝน ง่ายที่สุดเลยคือการเข้าไปอยู่ในสังคมที่มีการใช้ภาษาอังกฤษในการพูดคุยอยู่เป็นประจำ เช่น เรียนเมืองนอก เรียนโรงเรียนอินเตอร์ หรือไม่ก็ทำงานในบริษัทข้ามชาติที่มีผู้ร่วมงานเป็นชาวต่างชาติ แต่จะทำอย่างไรสำหรับคนไทยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้อยู่ในสังคมการใช้ภาษาแบบนั้น วันนี้เรามีทางเลือกแล้วคือหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษ หรือ Graded Readers นั่นเอง

ด้วยความเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กๆเนื่องจากที่บ้านอยู่ตรงข้ามร้านหนังสือ หนังสือที่ดึงดูดใจเราได้มากที่สุดคือวรรณกรรมทั้งนวนิยายไทยและนวนิยายแปลอย่างของ Agatha Christie แต่นั่นไม่ได้ทำให้เราเก่งภาษาอังกฤษเพราะเนื้อเรื่องถูกแปลมาแล้ว การเที่ยวงานหนังสือแห่งชาติปีก่อนทำให้เราได้พบว่านวนิยายสืบสวนสอบสวนที่เคยชื่นชอบในอดีตได้ถูกนำกลับมาทำเป็นหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษ โดยมีการแบ่งหนังสือตามระดับมาตรฐานการประเมิณความสามารถทางภาษา หรือย่อว่า CEFR เอาไว้ 3 กลุ่มคือ

กลุ่ม A สำหรับผู้ใช้ภาษาขั้นพื้นฐาน (Basic User)

กลุ่ม B สำหรับผู้ใช้ภาษาขั้นอิสระ (Independent User)

กลุ่ม C สำหรับผู้ใช้ภาษาขั้นคล่องแคล่ว (Proficient User)

เนื้อหาในหนังสือจะเป็นภาษาอังกฤษ แต่มีคำศัพท์พร้อมคำแปลสรุปให้ในแต่ละหน้าเพื่อให้เราได้เรียนรู้คำศัพท์จากการอ่านเนื้อเรื่องที่กำลังดำเนินไปทีละหน้า ทีละหน้า พร้อมกับการฟังเสียงพากษ์สำเนียงเจ้าของภาษาจาก MP3 ที่มีให้ download ฟรี อ่านไปพร้อมกับฟังไปอินไปกับเนื้อเรื่องทำให้เรารู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในวงสนทนาการพูดคุยด้วยภาษาอังกฤษจริงๆเลยทีเดียว

หนังสือเรื่อง Hickory Dickory Dock ที่เราอ่านนั้นจัดอยู่ในกลุ่ม B เป็น CEFR Level B2 สำหรับผู้ที่สามารถใช้ภาษาได้ดี สามารถเข้าใจบทความที่มีเนื้อหายากขึ้นได้ จากประสบการณ์จริงในการอ่านหนังสือเรื่องนี้เราได้คำศัพท์และบทสนทนาทั่วไปของนักศึกษาในหอพัก การสนทนาในระหว่างมื้ออาหาร การสนทนาสอบถามเกี่ยวกับอาชีพการงานของตัวละคร และคำศัพท์เกี่ยวกับยาในร้านขายยา แถมยังมีคำเฉพาะ เช่น hitch-hiking ที่ใช้เรียกการท่องเที่ยวทั่วทวีปยุโรปของนักเรียนนักศึกษาโดยวิธีการขอโดยสารรถฟรีหรือการโบกรถขอไปด้วย เป็นต้น หนังสือนี้ทำให้เราได้ทั้งทักษะการอ่าน บทสนทนาหลายสถานการณ์ สำเนียงพูดที่แตกต่างของหนุ่มสาว-คนชรา และทักษะการฟังให้เข้าใจในเนื้อเรื่องและความรู้สึกของตัวละครที่กำลังดำเนินไปจนถึงตอนจบ

หากคุณเป็นผู้เริ่มต้นฝึกภาษาใหม่ๆเราแนะนำให้เลือกหนังสือที่อยู่ในกลุ่ม A เช่น CERF Level A1-A2 สำหรับผู้เริ่มต้นซึ่งเนื้อเรื่องจะใช้ประโยคง่ายๆ คำศัพท์ง่ายๆในชีวิตประจำวัน เช่น  การแนะนำตัวเอง การตั้งคำถาม การแลกเปลี่ยนข้อมูลทั่วไป เป็นต้น แต่สำหรับคนที่เก่งภาษาพอประมาณเราแนะนำให้ลอง CERF Level C1-C2 ซึ่งเนื้อหาจะใช้บทสนทนาข้อความยาวๆที่ซับซ้อน มีความสละสลวยให้ความสามารถใกล้เคียงเจ้าของภาษา

เลือกนวนิยายที่ชอบ ฝึกอ่าน ฟัง พูดอังกฤษกันให้คล่อง พกความมั่นใจแล้วไปสอบสัมภาษณ์กันได้เลย

ขอให้ทุกท่านโชคดี


View : 0

Share :

Write comment